หลอกขึ้นเครื่อง
แม้จะมีการร้องขอจากนานาชาติว่า ชาวอุยกูร์กว่า 40 คน อาจถูกทรมาน หากส่งพวกเขากลับจีน แต่ทางการไทยก็ตัดสินใจอาศัยความมืด ดำเนินการในช่วงกลางดึก และส่งตัวพวกเขากลับเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ชายชาวอุยกูร์เหล่านี้ถูกควบคุมตัวที่สถานกักตัวคนต่างด้าว ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2557 หลังจากพยายามหลบหนีการกดขี่ข่มเหงของรัฐบาลจีน เข้าทางประเทศไทย
ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ระบุว่าทางการจีนมีหนังสือมาที่รัฐบาลไทย ในหนังสือได้แสดงเจตจำนงที่จะดูแลชาวอุยกูร์เหล่านี้ จำนวน 40 คน โดยให้คำมั่นว่าจะดูแลเรื่องความปลอดภัย
“เมื่อทางรัฐบาลได้รับหนังสือ เราได้พิจารณาตามหลักสิทธิมนุษยชน จากนั้นรัฐบาลได้มีการประชุม โดยใช้สภาความมั่นคงแห่งชาติ จากนั้นจึงได้มีมติให้ส่งชาวอุยกูร์กลับ ซึ่งเรามีเจ้าหน้าที่ของเราได้เดินทางไปสังเกตุการณ์ด้วย” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวกับสื่อมวลชน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าพวกเขาถูกส่งตัวกลับประเทศ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ หลังจากมีการเผยแพร่ภาพถ่ายของ รถบรรทุกออกจากสำนักตรวจคนเข้าเมือง 6 คัน ที่ปิดกระจกหน้าต่างด้วยเทปสีดำมืดมิดรอบตัวรถ มุ่งหน้าไปยังสนามบินนานาชาติดอนเมืองในช่วงกลางดึก จากนั้นเที่ยวบินเช่าเหมาลำของสายการบินไชนาเซาธ์เทิร์น (China Southern Airlines) ก็ออกเดินทาง และจากการตรวจสอบเส้นทางบิน พบว่าได้มาถึงเมืองคัชการ์ (Kashgar) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลซินเจียงแล้ว
รัฐบาลไทยกล่าวว่า ยินยอมที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คน กลับประเทศ หลังจากได้รับคำรับรองจากทางการจีน ว่าพวกเขาจะไม่เป็นอันตราย
ส่วนทางการจีนระบุว่า “ผู้อพยพผิดกฎหมาย” ถูกส่งตัวกลับ แต่ไม่ได้ระบุว่าพวกเขาเป็นชาวอุยกูร์
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนอ้างว่า ชาวอุยกูร์ในซินเจียง ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมากมาย รวมถึงการถูกคุมขังในค่ายกักกันขนาดใหญ่ จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว