เตรียมตัวให้พร้อมกับการเลือกตั้งที่อาจแปรปรวนที่สุดของไทย
2023.04.06

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 40 วัน ก่อนประเทศไทยจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ที่นับว่ามีสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่แปรปรวนในรอบหลายปีมานี้
พรรคที่เคยร่วมต่อสู้ในศึกเลือกตั้งปี 2562 นั้น ดูไม่หวือหวามากนักก่อนการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. นี้ ซึ่งจะเป็นการตัดสินรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่ได้รับตำแหน่งหลังจากการรัฐประหารเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว พรรคการเมืองแต่ละพรรคต่างพากันเสนอนโยบายประชานิยม
สิ่งที่น่าจับตามองคือ ความรู้สึกต่อต้านผู้นำที่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันกำลังมีเพิ่มมากขึ้น
แม้จะได้เปรียบจากการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง รวมถึงระบบตุลาการภายใต้อำนาจของกองทัพ และบทบาทของสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับแต่งตั้งจากกองทัพเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี แต่พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันก็อยู่ในจุดที่เปราะบางมากในการเลือกตั้ง
และเห็นได้ชัดว่าพรรคเพื่อไทยยังคงมีภาษีที่ดีกว่าในการเลือกตั้ง
เมื่อต้นเดือนมีนาคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจว่า พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุน 49 เปอร์เซ็นต์ ต่อมาในเดือนเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนที่ 46 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยพูดอย่างเปิดเผยว่าจะคว้าชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ โดยตั้งเป้าคว้าทั้งหมด 310 ที่นั่ง และมีการคาดการณ์ว่าพวกเขาจะได้ที่นั่ง ส.ส. ราว 50 เปอร์เซ็นต์ หรือ 250 ที่นั่ง
แพทองธาร ชินวัตร ได้รับคะแนนเสียงที่ดีในหมู่ประชาชนและเป็นที่ชื่นชอบของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่ ด้วยคะแนน 38 เปอร์เซ็นต์ ตามผลสำรวจล่าสุดของสถาบันนิด้า ซึ่งมากกว่าคู่แข่งของเธอถึงสองเท่า
อย่างไรก็ตาม แพทองธารอาจไม่ได้ตำแหน่งสูงสุด เนื่องจากแคนดิเดตอย่าง เศรษฐา ทวีสิน หรือ ชัยเกษม นิติสิริ อาจได้นั่งตำแหน่งนายกเพราะภาพลักษณ์ที่ไม่สุดขั้วมากเกินไป เพื่อก่อตั้งรัฐบาลผสมให้มากกว่า 376 ที่นั่ง
แพทองธาร ชินวัตร (กลาง) ขนาบข้างโดย ชัยเกษม นิติสิริ (ซ้าย) และเศรษฐา ทวีสิน โบกมือให้ผู้สนับสนุน ที่กรุงเทพฯ วันที่ 5 เมษายน 2566 (รอยเตอร์)
ในขณะเดียวกัน พรรคฝ่ายค้านอย่างก้าวไกลได้รับคะแนนอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าผู้นำของพรรคหลายคนจะมีคดีความอยู่ก็ตาม แต่คดีเหล่านี้ไม่ได้ทำให้หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันหวาดหวั่นอย่างที่ตั้งใจ แต่อาจส่งผลทำให้พวกเขากล้ามากขึ้นด้วยซ้ำ
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้คะแนนความนิยมอยู่ราว 16 เปอร์เซ็นต์ ตามผลสำรวจกลางเดือนมีนาคม และมีการคาดว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถได้ที่นั่ง ส.ส. อย่างถล่มทลายอีกครั้งในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ ๆ ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยจำนวน 33 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลยังคงเป็นพรรคที่ฐานเสียงหลักอยู่ในเขตเมือง แต่อาจขาดเครือข่ายในต่างจังหวัดที่เข้มแข็ง แม้จะลงสมัครครบทั้ง 400 เขตก็ตาม โดยการเลือกต้ังครั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลไม่ได้ส่งผู้สมัครในทุกเขต ด้วยความที่เป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทย
นายกฯ คนปัจจุบันกำลังสร้างอาณาเขต
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ กำลังค่อย ๆ ฟื้นตัว และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทีละน้อยในผลสำรวจ ราว 15 เปอร์เซ็นต์ และควรได้เปรียบจากการดำรงตำแหน่งในขณะนี้ ซึ่งประยุทธ์และพรรคใหม่ของเขา คือพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งเป้าที่จะผ่านเกณฑ์ 25 ที่นั่ง เพื่อให้สามารถเสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้
นายกรัฐมนตรีและพรรครวมไทยสร้างชาติมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่าผลสำรวจ เนื่องจากยังเป็นที่ชื่นชอบของฝ่ายอนุรักษ์นิยม และได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มคนดังกล่าวมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทบาทของสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งหมดจำนวน 250 คน จะมีสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย พล.อ. ประยุทธ์จึงจำเป็นต้องคว้าที่นั่งเพียงแค่ 121 ที่นั่ง ต่างกับพรรคฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการชัยชนะ จะต้องได้อย่างน้อย 376 ที่นั่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผลสำรวจเผยให้เห็นชัดเจนถึงความเป็นผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพของ พล.อ. ประยุทธ์
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้เป็นการตั้งสมมติฐานที่คาดว่าสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะสมาชิกวุฒิสภาที่ถูกแต่งตั้งมาจากทหารนั้น คงไม่มีใครแตกแถว หรือเปลี่ยนใจไปส่งเสริมให้พรรคฝ่ายค้านในปัจจุบันขึ้นมาครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
ด้าน แพทองธาร จากพรรคเพื่อไทย ได้เผยความคาดหวังว่าสมาชิกวุฒิสภาจะต้องเคารพคะแนนเสียงและรับรองผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมาก
อนุทิน ชาญวีรกูล ผู้สมัครนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย ห้อมล้อมด้วยกองเชียร์ที่กรุงเทพฯ วันที่ 4 เมษายน 2566 (อาทิตย์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มว่าจะได้รับความนิยมมากกว่าผลสำรวจ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ที่มีคะแนนต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ ในการสำรวจความคิดเห็นของสถาบันนิด้าครั้งล่าสุด แต่พรรคนี้เป็นฐานที่มั่นของ ส.ส. ที่แปรพักตร์และอาจเป็นพรรคที่ได้ชี้ขาดว่าใครจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พรรคภูมิใจไทยถูกคาดว่าจะชนะอย่างน้อย 70 ที่นั่ง และที่ผ่านมา อนุทินได้รับความไว้วางใจจากผู้นำฝั่งอนุรักษ์นิยมเป็นอย่างมาก แม้เขาจะเป็นอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยก็ตาม
ด้านพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ยังไม่สิ้นหวัง และคงจะได้รับที่นั่งอยู่ในรัฐบาลผสมฝั่งอนุรักษ์นิยม แม้ที่ผ่านมาจะกลายเป็นพรรคระดับภูมิภาคที่ได้รับความนิยมเพียงน้อยนิดในระดับชาติ หลังจากที่พรรคที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ ได้ละทิ้งอุดมการณ์ด้วยการร่วมสนับสนุนการทำรัฐประหารในปี 2557 ทำให้ได้รับความนิยมจากผลสำรวจเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สวนทางกับพรรคพลังประชารัฐที่ถือไพ่ใบพิเศษในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ว่าคะแนนนิยมจะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน อยู่ที่น้อยกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทบจะไม่ได้รับความนิยมเลย ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกถึงปัญหาที่ร้ายแรงของรัฐบาลชุดนี้
แต่พรรคพลังประชารัฐก็ลงสมัครทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง และเป็นพรรคที่มีทุนและทรัพยากรอย่างแท้จริง ซึ่งมีความสำคัญมากต่อระบบที่มีการซื้อขายเสียง
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้สมัครนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรค ได้การเข้าร่วมดีเบตก่อนการเลือกตั้ง และเสนอนโยบายประชานิยมของตัวเอง ในแง่นี้ เขาเป็นผู้หาเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก และกำลังพ่ายแพ้ให้กับ พล.อ. ประยุทธ์ ผู้ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมและกลุ่มสนับสนุนสถาบันกษัตริย์
แต่พรรคพลังประชารัฐก็ทุ่มหมดหน้าตักเพื่อที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป โดยที่พรรคอาจจะต้องทำข้อตกลงบางอย่างกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคอนุรักษนิยมอื่น ๆ เช่น ภูมิใจไทย ซึ่งการเจรจาอาจต้องมีกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีอำนาจทางการเมืองที่สมาชิกวุฒิสภายอมรับได้มาช่วยเจรจา
แม้ว่าความแตกแยกระหว่าง พล.อ. ประยุทธ์ และพล.อ. ประวิตร อาจเป็นเรื่องจริง แต่เราคงจะเห็นการจับมือกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาต้องการแค่เพียง 121 ที่นั่ง เพื่อตั้งรัฐบาลผสม โดยมีสมาชิกวุฒิสภาหนุนหลัง
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ซ้าย) ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่งข้าง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ที่กรุงเทพฯ วันที่ 3 เมษายน 2566 (อาทิตย์ พีระวงศ์เมธา/รอยเตอร์)
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานว่า พล.อ. ประวิตร สามารถทำให้สมาชิกวุฒิสภาเข้ากับฝ่ายตน แทนที่จะเป็น พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ยาก ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าสมาชิกวุฒิสภาถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้ครอบครัวของทักษิณ ชินวัตร (ในกรณีนี้คือลูกสาวของเขา) และกลไกทางการเมืองของเขาหลุดออกจากวงการเมือง และการที่สมาชิกวุฒิสภาจะเทคะแนนโหวตส่วนใหญ่ให้กับ พล.อ. ประวิตร น่าจะเป็นไปได้ยากยิ่งกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อถกเถียงที่น่าสนใจคือ ใครจะเป็นผู้นำในการจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล
พล.อ. ประวิตรนั้นเชื่ออย่างชัดเจนว่า เขายังมีอิทธิพลเหนือสมาชิกวุฒิสภาเหมือนเช่นเคย แต่เราอาจไม่ได้เห็นภาพนั้น โดยเฉพาะ หากแพทองธารได้ที่นั่งมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น
และยังไม่ชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐ จะสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้หรือไม่ และในจำนวนกี่ที่นั่ง แต่พรรคก็ยังมีความหวังสูงที่จะชนะ ซึ่งสวนทางกับประสิทธิภาพของพรรค เช่นเดียวกับแรงต่อต้านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยเองพยายามที่จะวางท่าทีที่เป็นกลาง แม้จะดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยจะอยู่ในปีกเดียวกับพรรคก้าวไกลของพิธา ซึ่งมีความก้าวหน้าทางนโยบายมากกว่า ซึ่งพรรคก้าวไกลเองก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนมากกว่า จะไม่มีทางร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเผด็จการ
ท้ายที่สุด แม้สูตรการเลือกตั้งแบบใหม่ที่จะมี ส.ส. มาจากบัญชีรายชื่อ 100 คนนั้นจะโปร่งใสกว่าการเลือกตั้งคราวก่อน แต่ก็ยังมีช่องว่างสำหรับการใช้เครื่องมือทางการเมืองอยู่ดี
อาจดูเหมือนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่อิงแอบอยู่กับสถาบันกษัตริย์ จะไม่เคลื่อนไหวอย่างแข็งกร้าวเหมือนที่เคยทำในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ซึ่งมีพรรรคการเมืองถูกยุบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก็ยังมีเวลาอีกพอสมควรสำหรับการไล่ฟ้องร้องคดีทางการเมืองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่จะสามารถตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
กลยุทธ์ดังกล่าวอาจส่งผลเสียมากกว่า และอาจทำให้ถูกต่อต้าน แต่ก็เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมตามแบบแผน
ซาคารี อาบูซา เป็นอาจารย์ประจำที่เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ และอาจารย์พิเศษ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ ทาวน์ ในกรุงวอชิงตัน ความคิดเห็นที่แสดงไว้ในบทความนี้เป็นของผู้เขียนเอง และไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เนชั่นแนล วอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยจอร์จ ทาวน์ หรือ เบนาร์นิวส์