ยอดผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ในไทย ทะลุ 40 คน
2020.02.26
กรุงเทพฯ

ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มจำนวน 3 คน เป็นปู่ย่าที่ไปทริปเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นแล้วแพร่เชื้อไปสู่หลาน โดยผู้ติดเชื้อรายแรกปกปิดข้อมูลการเดินทาง ทำให้โรงพยาบาลเอกชนที่แรกรับ ต้องสั่งกักตัวบุคลากรทางการแพทย์ 30 ราย ขณะที่โรงเรียนของผู้สัมผัสใกล้ชิดสั่งหยุดเรียน 14 วัน และสายการบินที่ผู้ป่วยโดยสารต้องประกาศเตือนประชาชนในเที่ยวบินเดียวกันให้พบแพทย์ด่วน
นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่ง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 3 ราย มาจากครอบครัวเดียวกัน โดยรายที่ 1 เป็นชายไทยอายุ 65 ปี เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่ฮอกไกโด กลับมาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ด้วยอาการ ไข้ ไอ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นบวก และถูกส่งมารับการรักษาต่อที่สถาบันโรคทรวงอก ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิงไทยอายุ 62 ปี เป็นภรรยา ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน กลับมามีอาการมีไข้ ไอในวันที่ 3 รับการรักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร
“ทั้งสองราย โดยรายแรกเป็นชายอายุ 65 ปี มีปอดอักเสบ มีอาการบวมเนื่องจากว่าป่วยแล้วทิ้งอาการไว้สามวัน ทำให้มีอาการรุนแรง ถ้าวันแรกมีอาการไอเฉย ๆ มีไข้นิดหน่อย ส่วนรายที่ 3 เป็นหลาน เด็กชายไทยอายุ 8 ปี ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่อยู่บ้านใกล้ชิดกับปู่กับย่า มีความสัมพันธ์ไม่ได้ระมัดระวังตัว อาการน้อย ไม่ค่อยมีอการอะไร แต่ผลบวก ขณะนี้รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร” นายแพทย์สุขุม ระบุ
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อด้วยว่า คณะทำงานได้ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงได้ทุกรายแล้ว และยังได้ติดตามผู้ที่ร่วมเดินทางที่อยู่ร่วมในทริปดังกล่าว เที่ยวบินเดียวกันมาตรวจรักษา ซึ่งขณะนี้ทุกคนยังมีอาการปกติอยู่
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าได้ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย พร้อมยืนยันว่าสถานการณ์โรคดังกล่าวในประเทศไทย ยังอยู่ในระยะที่ 2 ยังไม่ถึงขั้น 3 พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชน ข้าราชการเลื่อนการเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงติดเชื้อสูง และสายการบินควรงดการจัดโปรโมชั่นราคาถูกไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ตาม พรบ.โรคติดต่อแห่งชาติ บุคคลใดปกปิดข้อมูลจะมีความผิดตาม มาตรา 49 ที่ระบุว่า ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการคณะกรรมการด้านวิชาการหรือคณะอนุกรรมการ หรือคําสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือคําสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และมาตรา 52 ที่ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน กล่าวแก่สื่อมวลชนในการแถลงข่าวในวันนี้ว่า จะรอให้ผู้ป่วยหายจากโรคเสียก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะกล่าวโทษหรือไม่
ด้านสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ได้รับทราบและออกประกาศแนะนำให้ผู้โดยสารเที่ยวบิน XJ621 จากซัปโปโร เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นี้ ไปพบแพทย์โดยด่วน หลังมีรายงานยืนยันว่าผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าว ติดเชื้อโควิด-19 พร้อมสั่งให้ลูกเรือในเที่ยวบินดังกล่าว หยุดงาน 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ และรับการตรวจเพิ่มเติม
ขณะที่ โรงพยาบาล บี แคร์ ออกแถลงการณ์ชี้แจง กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ได้พบผู้ป่วยเป็นชายไทย มีไข้ และมีอาการไอ ขณะนั้นผู้ป่วยปฏิเสธว่ามีประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ จึงได้รับตัวไว้ในโรงพยาบาลด้วยอาการปอดอักเสบ จนกระทั่งช่วงสายในวันถัดมาจึงยอมรับว่าได้เดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง โรงพยาบาลจึงได้ย้ายผู้ป่วยเข้าพักรักษาตัวในห้องความดันลบ และส่งตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ทันที ซึ่งผลปรากฎว่าพบเชื้อไวรัสดังกล่าวจึงได้ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลรัฐในทันที
“จากการที่ผู้ป่วยปกปิดและปฏิเสธประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ส่งผลให้บุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ ในกลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 30 คน” แถลงการณ์ของโรงพยาบาลระบุ
ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสผู้ป่วยรายนี้โดยตรง ได้รับการตรวจเพื่อหาเชื้อไวรัสดังกล่าว และมีผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อไวรัสโควิค-19 อย่างไรก็ตาม ทางโรงพยาบาลให้สั่งบุคลากรดังกล่าวหยุดพักงาน เพื่อสังเกตอาการที่บ้านและปฏิบัติการแนวทางการควบคุมโรค และได้ดำเนินการ Deep Clean ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และงดรับผู้ป่วยในหอผู้ป่วย
นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรค กรมควบคุมโรคได้เดินทางไปยังโรงเรียนพระหฤทัย ดอนเมือง เพื่อประเมินความเสี่ยงหลังพบว่า ผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 3 ซึ่งเป็นเด็กชาย อายุ 8 ปี เดินทางไปโรงเรียน 1 วัน โดยเพจเฟซบุ๊ก ของสำนักงานเขตดอนเมือง โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ได้ดำเนินการร่วมกับกรมควบคุมโรคในการสอบสวนโรคและติดตามตรวจสอบ ขยายผลไปยังสมาชิกในครอบครัว ซึ่งทำงานในธนาคารธนชาต สาขาดอนเมือง และสั่งให้ปิดสาขาไปแล้ว นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างนักเรียนและครูที่เป็นกลุ่มสัมผัสโดยตรงจำนวนกว่า 50 ราย และให้ติดตามอาการจำนวน 14 วัน และงดออกจากบ้าน
“ทั้งนี้ โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ได้มีคำสั่งปิดโรงเรียน 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ. 63 - 10 มี.ค. 63 และได้มีการดำเนินการคัดกรองโรคและเก็บตัวอย่างนักเรียนที่มีความเสี่ยงสูง เป็นกลุ่มสัมผัสโดยตรง จำนวน 36 ราย ครู 16 ราย พนักงาน 3 ราย โดยให้ติดตามอาการ 14 วัน งดออกนอกบ้าน ทำความสะอาดบ้านพักอาศัย พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติในการป้องกันโรคให้กับผู้ปกครองโรงเรียนพระหฤทัยดอนเมืองแล้ว” ข้อความของสำนักงานเขตดอนเมือง ระบุ
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 เป็นต้นมา มีผู้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 แล้ว 40 ราย แต่รักษาอาการหายแล้ว 24 ราย คงเหลือ 16 ราย ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในสถานพยาบาล ทั่วโลก มีรายงานผู้ติดเชื้อกว่าแปดหมื่นราย มีผู้เสียชีวิต 2,712 ราย โดยในจำนวนนี้ เป็นผู้เสียชีวิตในประเทศจีน ซึ่งเป็นต้นตอของโรค 2,664 ราย
นักวิเคราะห์เศรษฐกิจรายหนึ่ง กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ประเทศไทยต้องพึ่งพิงนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งในช่วงการระบาดนี้ น่าจะหายไปราว 6 แสนคนต่อเดือนในช่วงแรก จะคิดเป็นรายรับจากการท่องเที่ยวที่หายไปต่อเดือนราว 3 หมื่นล้านบาท หากให้ผลกระทบนี้กินเวลาราว 6 เดือน จะได้ว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะหายไปทันทีราว 1.8 แสนล้านบาท หรือเท่ากับ 1% ของ GDP
ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทยนั้น ได้ปรับตัวลดลงจาก 1586.16 จุด ในวันแรกที่มีข่าวเจอผู้ป่วยรายแรกในไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม มาปิดอยู่ที่ 1366.41 จุด หรือลดลง 13.85 เปอร์เซ็นต์ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ศกนี้