กลุ่มเผยแพร่ศาสนาไทยมุสลิมร้องรัฐช่วยเหลือ พวกตกค้างในอินเดีย
2020.04.03
ปัตตานี

ในวันศุกร์นี้ นายอาดัม ดาเนะมูซอ หัวหน้าศูนย์เผยแพร่ศาสนาอิสลาม ในจังหวัดยะลา ได้เรียกร้องให้ทางการไทยช่วยเหลือกลุ่มบุคคลผู้เผยแพร่ศาสนาชาวไทย จำนวน 115 คน ที่ไปร่วมงานเผยแพร่ศาสนา Tablighi Jamaat แล้วยังตกค้างอยู่ในนิวเดลี เนื่องจากทางการอินเดียได้คุมเข้มการชุมนุม เพื่อระงับการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งในงานชุมนุมนี้ มีผู้เสียชีวิตลงแล้วนับสิบราย
ประเทศอินเดียมีประชากรราว 1.3 พันล้านคน ในวันศุกร์นี้ มีรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันแล้ว 2,567 ราย เสียชีวิต 72 ราย ตามข้อมูลล่าสุด ที่รวบรวมโดยผู้เชี่ยวชาญโรคของ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ในสหรัฐอเมริกา
ด้าน หนังสือพิมพ์นิวเดลีระบุข้อมูลของรัฐบาลอินเดียว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยแปดคนที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ไปร่วมงานที่จัดขึ้นโดย Tablighi Jamaat กลุ่มดะวะห์ชาวมุสลิมที่มีชื่อเสียง ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม
นายอาดัม หัวหน้าศูนย์มัรกัสยะลา (อามีรญามาอะตับลิฆมัรกัสยะลา หรือ ศูนย์ดะวะห์) ได้กล่าวว่า ญามาอะ (กลุ่มบุคคลผู้เผยแพร่ศาสนา) ชาวไทย ตกค้างอยู่ที่มัสยิด Alami Markaz Banglewali Masjid ที่นิซอมุดดีน ในกรุงนิวเดลี รวม 115 คน ซึ่งได้เดือนทางร่วมงานชุมนุมทางศาสนา (โยร์) เมื่อสองเดือนที่แล้ว มีกำหนดเวลา 4 เดือน แต่ในภายหลังได้เกิดการระบาดของเชื้อโควิดระหว่างศาสนิก
ทั้งนี้ งานชุมนุมได้เริ่มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ก่อนที่จะถูกทางการอินเดียสั่งห้ามในวันถัดมาทั้งนี้
“ขณะนี้ กำลังประสบปัญหาโควิด-19 กลุ่มญามาอะจำนวน 115 คน ได้รับผลกระทบ ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่ทางอินเดียจะปิดประเทศ กลุ่มญามาอะทั้ง 115 คน เห็นว่ายังไม่ถึงครบกำหนด 4 เดือนในการออกโยร์ จึงไม่ได้เร่งรีบในการกลับมาประเทศไทย” นายอาดัม กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
“กำลังประสบปัญหาไม่มีที่อยู่ในประเทศอินเดีย เพราะทางอินเดียไม่ให้อยู่ในมัรกัส ในอินเดีย และพวกเขาก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงอยากเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้อง จากนายกรัฐมนตรีจนถึง ศอ.บต. กอ.รมน.4 ที่รับผิดชอบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน” นายอาดัมกล่าวเพิ่มเติม
ในเรื่องนี้ นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นคนดำเนินการ
“ทางเราประสานกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้รับผิดชอบ protocol (พิธีทางการทูต) ของคนไทย เเต่เดาเอาว่าจะต้องดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีแถลง นั่นคือ ชะลอการเข้าทั้งหมด อันนี้ นายกรัฐมนตรีมอบให้ทาง กต. เป็นหน่วยดำเนินการงานต่างประเทศทั้งหมด กต.จะเป็นผู้บริหารจัดการ ได้ความอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกที” นายชนธัญ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
เบนาร์นิวส์ ได้ติดต่อกับทางกระทรวงการต่างประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามมิให้ประชาชนอกนอกเคหะสถาน เป็นเวลา 6 ชั่วโมง ในช่วงสี่ทุ่มไปจนถึงตีสี่ โดนเริ่มตั้งแต่วันศุกร์นี้ และยังออกข้อกำหนดให้คนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศต้องเก็บตัว เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคและให้เดินทางกลับประเทศได้ หลังวันที่ 15 เมษายนนี้
นอกจากชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้แล้ว ยังมีกลุ่มที่เดินทางไปยังงานชุมนุมทางศาสนาในลักษณะเดียวกันที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย อีกด้วย ซึ่งพบว่า มีผู้เผยแพร่ศาสนาที่กลับมาจากอินโดนีเซียติดเชื้อ อย่างน้อย 22 คน และที่กลับมาจากมาเลเซียติดเชื้ออย่างน้อย 14 คน เสียชีวิต 1 คน
ในวันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ยังมีผู้เผยแพร่ศาสนาที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางมาในวันนี้ 6 เมษายนนี้ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางการได้เตรียมพร้อมการดูแลเอาไว้แล้ว
“เมื่อวานนี้ (นายกรัฐมนตรี) ได้มีคำบัญชาสั่งการว่าให้มีการชะลอการเดินทางของทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าสู่เมืองไทย นี่คือเหตุผล ยกเว้นที่มีขอไว้ก่อน เพราะตอนนี้ รับทราบมาจากทางกระทรวงการต่างประเทศแล้วว่า 100 คน จากประเทศอินโดนีเซีย จะเข้ามาในวันที่ 6 เมษายน เป็นสิ่งที่ขออนุญาตไว้แล้ว ทางการของไทยจะมีการจัดเตรียมพื้นที่รองรับขอความร่วมมือของคน 100 ท่าน ที่กำลังจะมารวมถึง มาเลเซียอีก 83 ท่าน ที่เป็นคนไทยขออนุญาตเข้ามา และกลุ่มของนักเรียน AFS จากทางสหรัฐอเมริกาจำนวนหนึ่ง ซึ่งทยอยเข้ามา ทุกคนต้องร่วมมือในการที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่ทางรัฐจัดให้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่า ท่านจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่นำเชื้อมาสู่คนไทยภายในประเทศนี้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
กลุ่มเผยแพร่ศาสนาอิสลาม “ตับลีฆ” เป็นกลุ่มผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ก่อตั้งขึ้นในอินเดีย เมื่อปี 2470 โดยมี เมาลานาซาการียา อัลดะลาวี ชาวอินเดีย ที่มีเชื้อสายสาวกนบี มูฮำหมัด เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งงานดะวะห์ตับลีฆขึ้นมา
นายนิแอ สามะอาลี หนึ่งในสมาชิกดะวะห์ กล่าวว่า ตับลีฆ มีความหมายว่า การตนเองเชิญชวนตัวเองสู่ความดี จงเป็นที่มาดะวะห์ ซึ่งกลุ่มดะวะห์ตับลีฆ มีระดับขั้นการปฏิบัติเพื่อเพิ่มการปลูกฝังความศรัทธา และความแรงกล้าในการปฏิบัติกิจกรรมในการเผยแพร่ศาสนา
“การทำดะวะห์นั้น จำเป็นที่จะต้องทำเป็นกลุ่มๆ ละ 7-12 คน ที่จะต้องไปหาผู้คน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และสตรี โดยใช้มัสยิดเป็นศูนย์กลางในการบัญชาการ หรือเรียกว่ามัรกัส” นายนิแอ กล่าว