แม่ทัพภาคสี่ยันยังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเข้ามาเคลื่อนไหวแพร่อุดมการณ์รัฐอิสลาม
2016.01.21

ในวันพฤหัส (21 ม.ค. 2559) นี้ พลโทวิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ 3 คน ที่มีรายงานข่าวจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าได้เดินทางเข้ามาในจังหวัดนราธิวาส เพื่อหาช่องทางเผนแพร่อุดมการณ์รัฐอิสลาม แต่ในเบื้องต้นในให้หน่วยในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบข้อมูลที่แท้จริงกับผู้นำสอนศาสนา
“ยืนยันว่ายังไม่มีการจับกุม มีเพียงแต่การข่าวว่ากลุ่มคนดังกล่าว เข้ามามอบเงินให้กับมัสยิดและขอให้ผู้นำสอนศาสนาสอนเกี่ยวกับรัฐอิสลาม” พลโทวิวรรธน์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในวันนี้
“แต่ในเบื้องต้นมอบหมายให้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ยืนยันเป็นเพียงแค่กระแสข่าวและเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ต้องดำเนินการตรวจสอบเสียก่อน เพราะทหารเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และการข่าวเป็นการข่าวจากชาวบ้าน เราไม่ได้เจอตัว ซึ่งตามระเบียบต้องมีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวอีกชั้น" พลโทวิวรรธน์ กล่าวเพิ่มเติม
รายงานข่าวจากชาวบ้านและหน่วยข่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ มีรายงานข่าวของฝ่ายความมั่นคงอ้างอิงถึงแหล่งข่าวชาวบ้านว่า พบความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวม 3 คน ได้เดินทางมาพบครูสอนศาสนาและผู้นำศาสนา ในตำบลมูโน๊ะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อขอให้ชักชวนนักเรียนและประชาชนให้ความสนับสนุนกลุ่มรัฐอิสลาม แต่ทางชุมชนได้ปฏิเสธไป
“พบการเคลื่อนไหวของตัวแทนกลุ่มไอเอส จำนวน 3 คน ซึ่งเป็นชาวอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เดินทางจากมาเลเซีย มาพบเจ้าของโรงเรียน อิหม่าม บิหลั่น คอเต็บ และครู อุซตาส ในพื้นที่ตำบลมูโน๊ะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อมอบเงินบริจาค พร้อมขอให้ทางโรงเรียนบรรจุประวัติผลงานของกลุ่มไอเอสลงในหลักสูตรการเรียนการสอน” แหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อกล่าวแก่เบนาร์นิวส์
“รวมทั้งให้ช่วยโน้มน้าวนักเรียนและประชาชนในพื้นที่ ให้มาสนับสนุนกลุ่มไอเอส แต่กลุ่มเจ้าของโรงเรียน อิหม่ามและผู้นำท้องถิ่น ที่เข้าร่วมพบปะ ปฏิเสธ เนื่องจากกลัวถูกรัฐเพ่งเล็ง” แหล่งข่าวคนเดียวกันกล่าว
ในวันนี้ นายตูแวดอเลาะ (ขอสงวนนามสกุล) คนสนิทของเจ้าของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม (ขอสงวนชื่อ) แห่งหนึ่งที่ถูกกล่าวถึง ได้ชี้แจงถึงเรื่องนี้แก่เบนาร์นิวส์ ว่าไม่มีข้อเท็จจริง เป็นเรื่องป้ายสีของคนในพื้นที่ เนื่องจากจะมีการเลือกอีหม่ามคนใหม่ในเร็วๆ นี้
“เรื่องนี้ไม่มีความจริง เป็นปัญหาภายในที่มีเรื่องการเมืองเข้ามา คือที่นี่กำลังจะมีการเลือกอีหม่ามคนใหม่ ซึ่งผู้สมัครอีหม่ามคนใหม่อยู่ที่มาเลเซีย และเมื่อวันที่ 11 มกราคม ปีนี้ ผู้สมัครเป็นอีหม่ามคนใหม่ได้เข้ามาในพื้นที่มูโน๊ะ มีการพูดคุยถึงนโยบายที่จะทำ หากได้เป็นอีหม่าม แต่เจ้าหน้าที่กลับมองว่าเป็นเรื่องของกลุ่มไอเอส ประกอบกับมีคนในพื้นที่คอยให้ข้อมูลเพื่อเป็นการทำลายอีหม่ามคนใหม่ ทำให้เกิดประเด็นไอเอสขึ้นที่นี่”
ทางด้านพันโทนพดล ภาคาผล ผู้บัญชาการ กองกำลังเฉพาะกิจนราธิวาส 36 กล่าวว่า "ทางเรายังไม่พบการเคลื่อนไหวเรื่องไอเอสเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็ยังคงมีการเฝ้าระวังอยู่ มีการพูดคุย กับเจ้าหน้าที่ ทั้งเขตชายแดนไทยและมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ประชาชนให้คอยเป็นหูเป็นตา คิดว่าไม่น่าจะมีไอเอสเข้ามาในพื้นที่ เพราะเรามีการเฝ้าระวังอย่างหนักมาตลอดจากทุกภาคส่วน"
นายกรัฐมนตรีเตือนสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการรายงานข่าวที่อ่อนไหว
ในวันนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในเรื่องนี้ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้กล่าวตอบยืนยันหรือปฏิเสธว่ามีการจับกุมกลุ่มแนวคิดอิสลามจริงหรือไม่ แต่ได้ขอให้สื่อมวลชนระมัดระวังในเรื่องการรายงานข่าวที่เป็นข้อมูลลับ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อประเทศอื่นและต่อประชาคมโลก
“เรื่องอะไรที่เป็นเรื่องลับ เป็นเรื่องที่มีผลกระทบกับประเทศอื่น และประชาคมโลกเราต้องระวัง บางทีบางเรื่องถ้าพูดออกมาก็ไม่เกิดประโยชน์ จะทำให้ผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีไปได้เรื่อย และจะทำให้เราเข้าไปอยู่ในกระบวนการขัดแย้งเสียเอง และก็จะเกิดที่บ้านเรามากขึ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบแก่ผู้สื่อข่าวในวันนี้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า เรามีการให้ความร่วมมือในด้านการข่าว ด้านการป้องกัน การจัดหาระบบเทคโนโลยีต่าง ๆ ตนอยากให้ทุกคนมองอย่างนี้ ไม่ใช่อยากรู้ไปทุกเรื่อง บางเรื่องก็ต้องมีความลับ ลับมาก ลับที่สุด บางเรื่องต้องใช้ในเชิงบริหาร ทำอย่างไรไม่ให้ประเทศวุ่นวาย ตื่นตระหนก นี่คือประเด็นของตน ไม่ใช่ประชาชนทุกคนต้องรู้ทุกเรื่อง
"บางเรื่องเป็นเรื่องของการบริหารประเทศ ให้ประเทศไปได้ เป็นนโยบายด้านความมั่นคง ก็ต้องทำให้มั่นคง ไม่ใช่ลับทั้งหมด แต่มีลับเป็นขั้น ๆ ถ้าถามว่าจับได้หรือยัง แล้วเป็นไอเอสหรือเปล่า แล้วเอายังไง จะเอาได้หรือไม่ให้ชัดเจนหรือ ใช่หรือไม่ใช่ แล้วถ้าใช่จะได้อะไรขึ้นมา แล้วจะเสนออะไรต่อ บ้านเราเริ่มมีกระบวนการแบบนี้เข้ามาแล้ว แล้วจะได้อะไรขึ้นมาอีก ความขัดแย้งก็เกิดขึ้น คราวนี้ก็เกิดบ้านเรา" พลเอกประยุทธ์ กล่าว