นายกรัฐมนตรีไทย-มาเลเซีย เน้นความร่วมมือด้านความมั่นคง

สมชาย ขวัญกิจเศวต
2016.09.09
กรุงเทพฯ
TH-MY-PMs-1000 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้การต้อนรับ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่เดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 ก.ย. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์ (9 กันยายน 2559) นี้ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เดินทางมาประชุมประจำปี ครั้งที่ 6 กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์ชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยทั้งสองฝ่ายได้เน้นหนักในเรื่องการจัดการกับปัญหาด้านความมั่นคง และการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทย

หลังจากการหารือเสร็จสิ้นลง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายนาจิบ ราซัค ได้ร่วมกันแถลงแก่สื่อมวลชนว่า รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศ ได้เห็นชอบร่วมกันในหลายเรื่อง รวมทั้ง เรื่องปัญหาภาคใต้ เพราะปัญหาในประเทศไทยส่งผลกระทบต่อมาเลเซียได้เช่นกัน

“เราได้มีความเห็นชอบร่วมกันด้านความมั่นคง การค้า การลงทุน เศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน รวมถึงกระบวนการพูดคุยเรื่องสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ เราต้องร่วมมืออย่างจริงจังในการแก้ปัญหา เพราะว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศก็มีผลกระทบกับประเทศมาเลเซียเช่นเดียวกัน” พลเอกประยุทธ์กล่าว

“เราต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง การตรวจสอบข้อมูล การตรวจสอบการเข้าเมือง” พลเอกประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอบคุณนายนาจิบ ที่ประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขระหว่างฝ่ายไทยและกลุ่มที่เห็นต่างจากรัฐบาลไทย ทั้งนี้ นายนาจิบ ได้ให้การสนันสนุนกระบวนการสันติภาพที่เปิดฉากมาตั้งแต่ พ.ศ. 2556 ซึ่งนายนาจิบ กล่าวว่า มาเลเซีย จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาระหว่างสองฝ่ายต่อไป โดนตระหนักว่าเรื่องปัญหาภาคใต้เป็นปัญหาภายในประเทศของไทย

“ในเรื่องของความมั่นคงนั้น มาเลเซียจะยังเต็มใจที่จะรับบทบาทเป็นผู้อำนวยความสะดวก ให้ความช่วยเหลือต่อกระบวนการสันติภาพในภาคใต้ ขอย้ำอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นและความเข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นกิจการภายในของไทย ที่เราจะดำเนินตามกรอบและแนวทางที่รัฐบาลไทยบอกกล่าวแก่เรา” นายนาจิบ กล่าว

“เป็นสิ่งสำคัญต่อเราที่จะต้องสร้างมาตรการเพิ่มความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันในระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นายนาจิบกล่าวเพิ่มเติม

นายนาจิบ ราซัค กล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีผลประโยชน์ร่วมกัน เสถียรภาพด้านความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ รวมทั้งผลประโยชน์อื่นๆ และอนาคตของสองประเทศนั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

คนร้ายเคลื่อนไหวข้ามชาติ

นายนาจิบ ราซัค ยังได้กล่าวถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่ตน และพลเอกประยุทธ์ เห็นพ้องต้องกันว่า ยังมีในเรื่องความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้ายสากล การค้ามนุษย์ อาชญากรรมข้ามชาติ และความรุนแรงจากแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งต้องเน้นการปฏิบัติที่ได้ผลจริงจัง

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อเรามาก เพราะคนร้ายสามารถเคลื่อนไหวข้ามประเทศได้” นายนาจิบกล่าว และเพิ่มเติมว่า จะมีการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง รวมทั้ง การร่วมมือติดตามบุคคลที่แต่ละฝ่ายต้องการตัว จนถึงการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อการดำเนินคดี

ในการไปเยือนมาเลเซียของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณเมื่อเร็วๆ นี้ มีรายงานข่าวว่าทางการมาเลเซีย ได้ขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นชาวไทยในคดีการค้ามนุษย์โรฮิงญา จากประเทศไทย แต่ในขณะนี้ การจัดเตรียมสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยังไม่เสร็จสิ้น

ในแถลงการณ์ร่วมไทย-มาเลเซีย ที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้เผยแพร่บนเวบไซต์ของกระทรวงฯ ในวันนี้ ได้มีการกล่าวถึงการจัดเตรียมบันทึกความเข้าใจ และสนธิสัญญาต่างๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อการลงนามในการประชุมครั้งหน้า ในมาเลเซีย

บันทึกความเข้าใจที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ และ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนสนธิสัญญาสองฉบับ คือ สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่าง ไทย-มาเลเซีย และ สนธิสัญญาว่าด้วยการโอนนักโทษ ระหว่างไทย-มาเลเซีย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ ได้กล่าวประณามการก่อความไม่สงบในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

บีอาร์เอ็นถูกกล่าวหามีส่วนในเหตุการณ์ระเบิด

การประชุมในวันศุกร์นี้มีขึ้นหลังจากเหตุการณ์ระเบิดร่วม 11 ครั้ง ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนซึ่งรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทยหลายแห่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนับสิบราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เผยหลังเกิดเหตุการณ์ว่า มีผู้ต้องสงสัยในเหตุก่อการไม่สงบมาจากพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงยังกล่าวว่า ไม่คิดว่าฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้จะทำไป เพื่อเป็นการขยายเขตปฏิบัติการ แต่เชื่อว่าเป็นการเมือง หรือฝ่ายการเมืองเป็นผู้ใช้ให้ก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้าวันอังคารที่ 6 ก.ย. หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ตรงกันข้ามโรงเรียนบ้านตาบา ในอำเภอตากใบ นราธิวาส เป็นเหตุให้เด็กหญิงอายุ 4 ขวบ ตกเป็นหนึ่งในสามเหยื่อระเบิดเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกนับสิบราย ซึ่งในวันเดียวกันนั้น แกนนำอาร์เคเค (RKK) กลุ่มกองกำลังของขบวนการบีอาร์เอ็นได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า การวางระเบิดในวันนั้น รวมทั้งการโจมตีเป้าหมายในภาคใต้ตอนบน และเหตุระเบิดรถไฟ ที่ปัตตานี เป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็น

และยังกล่าวอีกว่า การก่อเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตาบา ที่สองพ่อลูกต้องเสียชีวิตนั้น เป็นเรื่องสุดวิสัยที่ไม่ได้ต้องการให้เกิดกับประชาชน เพราะเป้าหมายคือเจ้าหน้าที่

ในวันศุกร์นี้เช่นกัน พลเอกธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า และได้กล่าวว่า กรณีเว็บไซต์ข่าวรายงานว่า กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นกล่าวว่า การวางระเบิดล่าสุด รวมทั้งเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ เมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาคมเป็นฝีมือของกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้น เชื่อว่าไม่ใช่ แต่เป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ในพื้นที่ โดยพลเอกธีรชัย อ้างอิงตามการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางพลเอกอักษรา ที่ไปพูดคุย [กับทางมาราปาตานี] แล้ว ทราบว่าไม่ใช่ จึงไม่อยากให้หลงประเด็น

ด้านกลุ่มมาราปาตานี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก Mara Patani - Official Page ถึงเหตุระเบิดที่หน้าโรงเรียนบ้านตาบา จ.นราธิวาส โดยระบุว่า จากกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านตาบา จ.นราธิวาส ในช่วงเช้าของวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมาราปาตานีขอประณามการก่อเหตุรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้งพลเรือนและเด็ก

มาราปัตตานี ยืนยันว่ายังคงยึดมั่นในการแก้ไขความขัดแย้งด้วยการพูดคุยอย่างสันติ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างรอบคอบ และในอนาคตไม่ยึดผู้อ่อนแอเป็นกลุ่มเป้าหมายในความขัดแย้ง

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง