เจ้าหน้าที่สงสัยระเบิดที่ยึดได้จากผู้ก่อความไม่สงบ ผลิตในมาเลเซีย

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนไทย รองผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียกล่าวในวันอังคาร ขณะที่ยอมรับว่า พวกก่อความไม่สงบจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย อาจจะทำการผลิตระเบิดฝั่งตรงข้ามพรมแดนไทย ในรัฐกลันตัน

ขณะเดียวกัน ที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นจังหวัดข้างเคียง ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวขบวนการป่วนใต้ ลำเลียงระเบิดแสวงเครื่องแบบขว้าง จำนวน 41 ลูก มาจาก “ประเทศเพื่อนบ้าน” ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า เขตพื้นที่ของไทยจะสงบกว่านี้ ถ้ามาเลเซียมีการปราบปรามผู้ต้องหามีคดีที่ไปอยู่ทางนั้น

"มีความเป็นไปได้ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในภาคใต้ลอบเข้าไปในมาเลเซีย เพื่อผลิตระเบิดในรัฐกลันตัน" นอร์ ราชิด อิบราฮิม รองผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย กล่าว

"เรากำลังดูส่วนนั้น และเรากำลังสืบสวนสอบสวน"

"จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจับกุมในรัฐกลันตัน" นอร์ ราชิด กล่าว "เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มการคุมพื้นที่อย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ”

นอร์ ราชิด กล่าว หลังจากการรายงานจากสำนักข่าวเบอร์นามา ของมาเลเซียว่า ระเบิดที่ตรวจยึดได้จากกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทย เมื่อห้าวันก่อน ถูกประกอบขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย

สำนักข่าวดังกล่าว ได้รายงานว่า พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4  ได้กล่าวว่า ระเบิดดังกล่าว มีไว้เพื่อใช้ก่อเหตุรุนแรง หลังเดือนถือศีลอดของชาวมุสลิม ซึ่งสิ้นสุด ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน

"จากการสืบสวนของเรา เราพบว่ามีการลักลอบขนระเบิดเข้ามาจากมาเลเซีย" พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ ขับรถเพื่อลาดตระเวนมาตามเส้นทางสุไหงโกลก-ตากใบ จนมาถึงพื้นที่บ้านสะหริ่ง อำเภอตากใบ นราธิวาส ได้พบรถยนต์กระบะ อีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนปัตตานี คนขับและผู้โดยสารพยายามวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมคนขับรถได้หนึ่งคน และตรวจพบระเบิดแสวงเครื่องทำเป็นไปป์บอมบ์แบบขว้าง จำนวน 40 ลูก ระเบิดท่อเหล็กอีก 1 ลูก ในรถกะบะ

ผู้ต้องหาชายวัย 39 ปี ระบุว่าชื่อ นาย ซานูซี ยาแต ให้การรับสารภาพต่อเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้นว่า เป็นคนทำหน้าที่ขนย้ายวัตถุระเบิดจากพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก เพื่อไปมอบให้กับบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะมารอรับในพื้นที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส

นอกจากระเบิด 41 ลูก ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบ ชุดวงจรวิทยุ 2 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 5 นาที 36 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 10 นาที 1 กล่อง ชุดวงจรตั้งเวลา 30 นาที 2 กล่อง วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง และไฟฉาย 4 อัน

พล.ต.ต.มนัส ศิกษมัต ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดนราธิวาส กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันอังคารว่า ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงจำนวนมาก พวกเขามี 2 สัญชาติ

“อีกอย่างบางคนก็เป็นเครือญาติ เป็นสามีภรรยากันระหว่างคนไทยบ้านเรากับคนมาเลเซีย มันจึงยากที่จะควบคุม” พล.ต.ตมนัส กล่าวเพิ่ม “แต่มันจะง่าย ถ้ามาเลเซียช่วยเข้มงวด เรื่องเข้าออกและปราบปรามคนที่มีคดี ที่ไปอยู่ที่โน่น”

พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.4 กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ในวันนี้เช่นกันว่า

“ผมไม่มีเอกสารที่เป็นทางการยืนยันว่าระเบิดมาจากมาเลเซีย จึงไม่สามารถระบุชื่อได้ และไม่แน่ใจด้วยกรณีที่มีข่าวว่าแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ข้อมูลว่าระเบิดมาจากมาเลเซีย เพราะเบื้องต้น ยังไม่เห็นรายงานที่เป็นทางการ”

จังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดหนึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนับจากเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นเกือบ 7,000 คน แล้ว จากเหตุการณ์ความรุนแรง สถานการณ์ความไม่สงบ การแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูมุสลิมและพูดภาษามลายู รวมถึงเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ ในพื้นที่

นายดิน อาหมัด ผู้ช่วยผู้บัญชาการอาวุโส และ รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ขบวนการลักลอบขนเข้า “ไมใช่เรื่องใหม่” สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำสุไหงโกลก ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติ ระหว่างมาเลเซียกับไทย

"ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบรถแต่ละคัน ที่เข้าประเทศมาเลเซียได้" เขากล่าว "แต่ตอนนี้นับตั้งแต่มีข่าวและเชื่อว่า ระเบิดเหล่านั้นผลิตที่ประเทศมาเลเซีย ตำรวจจึงมีการยกระดับการคุมพื้นที่ และชายแดนเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยให้มีการตรวจรถทุกคันอย่างละเอียด"

เจ้าหน้าที่มาเลเซียมีการทำงานใกล้ชิดกับประเทศไทย เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม และกำลัง “ตามล่า" เพื่อจับคนร้ายที่พยายามลักลอบขนวัตถุอุปกรณ์ระเบิด นายดิน อาหมัด กล่าว

“ตำรวจกำลังขุดข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และจากรายละเอียดที่พวกเขามี" นายดิน อาหมัด กล่าว

"พวกเขาจะตรวจสอบให้แน่ชัดว่า เป็นกลุ่มเซลล์ในพื้นที่ บ้าน และร้านค้าใดบ้าง ที่คนร้ายเหล่านั้นต้องการนำวัตถุดังกล่าวไปส่ง"