ไทยแต่งตั้งผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำมาเลเซียประสานงานความมั่นคง
2017.05.17
ปัตตานี

ในวันพุธ (17 พฤษภาคม 2560) นี้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้แทนจากฝ่ายอำนวยความยุติธรรมและเยียวยา ศูนย์บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาล หรือ ครม.ส่วนหน้า ได้อนุมัติการแต่งตั้งผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำมาเลเซีย เพื่อประสานงานด้านความมั่นคงและแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หลังจากการประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาลครั้งที่สาม ประจำปี 2560 ที่กระทรวงกลาโหม ซึ่งมีพลเอกอุดมเดช สีตะบุตร เป็นประธานในวันนี้ พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้แทนพิเศษกลุ่มงานที่ 2 อำนวยความยุติธรรมและเยียวยา ศอ.บต. ได้กล่าว ที่ประชุมได้เห็นชอบกับข้อเสนอดังกล่าว โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเสนอรายชื่อต่อกระทรวงการต่างประเทศต่อไป
“ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำมาเลเซีย ทำหน้าที่ประสานงานแก้ไขปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้กับรัฐบาลมาเลเซีย เช่น งานด้านการข่าว การดูแลความมั่นคง ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ... ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่เสนอ” พล.ต.ท.ไพฑูรย์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
พล.ต.ท.ไพฑูรย์ กล่าวว่า ปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจประจำประเทศจีน กัมพูชา และเมียนมา ตั้งแต่ปี 2557 ผลการปฏิบัติงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ จึงเห็นว่าควรมีผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจที่มาเลเซียด้วย เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับภาคใต้และมีปัญหาเรื่องความมั่นคง
โดยหลังจากนี้ กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไปดำเนินการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม โดยมีคุณสมบัติสำคัญ คือ ยศพันตำรวจเอก ที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษและมีความรู้งานในหน้าที่จำนวนสองนาย มีตำแหน่งผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ และรองผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ จากนั้นจะส่งรายชื่อให้กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งสองตำแหน่งจะประจำอยู่ที่สถานทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
ความยุ่งยากในการจับตัวกลุ่มหัวรุนแรงข้ามแดน
ผู้สังเกตการณ์ในเรื่องความมั่นคงกล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ประเทศไทยมีความยุ่งยากในการจับกุมผู้ก่อการร้ายที่มาเลเซียต้องการตัว เช่น นายมูฮัมหมัด เวนนดี (Muhammad Wanndy Bin Mohamed Jedi) สมาชิกปฏิบัติการของไอเอส ซึ่งเดินทางผ่านประเทศไทยไปยังซีเรีย เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากว่าทางมาเลเซียเองไม่ได้ส่งหมายจับตัวมาด้วย ทางเจ้าหน้าที่ไทยจึงไม่สามารถกักตัวได้
แหล่งข่าวคนเดียวกัน ซึ่งไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า ในห้วงเวลาสองสามปีก่อนหน้านั้น มีสมาชิกกลุ่มไอเอสเดินทาง หรือพยายามเดินทางผ่านประเทศไทย 7 ถึง 8 ราย รวมทั้งนายมูฮัมหมัด เวนดิ ซึ่งเพิ่งถูกยิงเสียชีวิตไปเมื่อเร็วๆ นี้
และเมื่อต้นเดือนนี้ คาลิด อาบู บาคาร์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย ได้แจ้งผ่านเอกสารแถลงการณ์ว่า นายมูฮัมหมัด มุซซาฟฟา อารีฟ จูไนดิ (Muhammad Muzaffa Arieff Junaidi) อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านกือเตาะ เมืองรันตาปันหยัง รัฐกลันตัน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกไอเอส ได้หลบหนีการจับกุมของตำรวจมาเลเซีย และเชื่อว่าได้หลบหนีเข้ามาประเทศไทยทางด้านอำเภอสุไหงโกลก เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมานี้ พร้อมด้วยปืนเอ็ม-4 และปืนพก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นราธิวาส กล่าวว่า ทางการมาเลเซียไม่ได้มีเอกสารขอตัวมาแต่อย่างใด และทางไทยพบว่า บุคคลดังกล่าวเข้าออกประเทศไทยในช่วงเดือนเมษายน แต่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
ส่วนกองกำลังแบ่งแยกดินแดนกลุ่มต่างๆ เช่น บีอาร์เอ็น ได้ใช้ดินแดนประเทศมาเลเซียเป็นที่หลบภัยหรือปฏิบัติการ และล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ คนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในฝั่งมาเลเซียตรงข้ามกับถนนเลียบแม่น้ำสุไหงโกลก ช่วงบริเวณบ้านโต๊ะยามู ม.4 ต.นานาค ในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จุดระเบิดแสวงเครื่องหมายโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 4413 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 6 นาย