อัยการไม่รับฟ้องคดีชัยวัฒน์และพวก ข้อหาฆ่าบิลลี่
2020.01.24
กรุงเทพฯ

ในวันศุกร์นี้ นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษสำนักงานคดีอาญา 3 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า อัยการสั่งไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกอีกสามราย ใน 7 ข้อหา ที่เกี่ยวกับการกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี แต่สั่งฟ้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากคำฟ้องของดีเอสไอไม่ระบุว่า นายชัยวัฒน์และพวกฆ่านายพอละจี และนายพอละจีเสียชีวิตแล้ว
ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวก 3 คน เป็นจำเลยในคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยง บ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ปี 2557
“อัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ ในรูปแบบคณะทำงานของอัยการ ได้พิจารณาพยานหลักฐานจากสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว ในสำนวนยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานใด ๆ ว่า นายชัยวัฒน์กับลูกน้องได้ฆ่านายบิลลี่ที่ไหน โดยวิธีการอย่างไร"
"โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังไม่ปรากฏหลักฐานใด ๆ ด้วยเช่นกันว่า นายบิลลี่ได้เสียชีวิตแล้ว"
"ระหว่างที่อ้างว่า นายบิลลี่ ถูกกลุ่มของนายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนั้น ฝ่ายภรรยาของนายบิลลี่ก็ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์ปล่อยตัวนายบิลลี่ที่อ้างว่า ถูกจับกุมเรื่องเก็บน้ำผึ้งป่า” นายประยุทธ กล่าว
ในคดีนี้ ดีเอสไอได้ส่งฟ้อง 8 ข้อหา ต่ออัยการโดย นายชัยวัฒน์ เป็นผู้ต้องหาที่ 1 นายบุญแทน บุษราคัม ผู้ต้องหาที่ 2 นายธนเสฎฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 ซึ่งวันนี้มีการเปิดเผยว่า อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้ง 4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 ของกฎหมายอาญา กรณีที่นายชัยวัฒน์ยึดน้ำผึ้งป่า จากนายพอละจี แต่ปล่อยตัวไปโดยไม่นำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาลักของป่า
อย่างไรก็ตาม อัยการจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงรายละเอียดการไม่รับฟ้องคดีนี้ ในวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563 อีกครั้ง
ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ปัตตานี เปิดเผยหลังทราบข่าว การสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการว่า รู้สึกดีใจ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดคดีดังกล่าว
“ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็ต้องกราบขอบพระคุณอัยการพิเศษ และอัยการสูงสุด ที่ให้ความเมตตาและให้ความเป็นธรรม จนถึงนาทีนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับนายบิลลี่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพอรับได้ แต่ครอบครัวได้รับผลกระทบที่สำคัญ ลูกน้องและครอบครัวของลูกน้องต่างก็ได้รับความเสียหาย นับถึงขนาดนี้ก็ประมาณ 5-6 เดือนตลอดเวลาที่มีข่าว แทบไม่อยากไปไหน เพราะกลัวเขาไม่ต้อนรับ” นายชัยวัฒน์ ระบุ
ขณะที่ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ (มึนอ) ภรรยาของนายพอละจี กล่าวแก่สื่อมวลชนหลังทราบข่าวดังกล่าวว่า ต้องการทราบเหตุผลที่แท้จริงจากอัยการว่าเหตุใดจึงไม่ฟ้อง นายชัยวัฒน์และพวก ในข้อหากักขัง และฆ่าอำพรางศพนายชัยวัฒน์ และพวก โดยจะเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากอัยการ ในวันที่ 27 มกราคม 2563 ที่จะถึงนี้
“ชาวบ้านบางกลอย ต่างสงสัยและข้องใจในคดีของพี่บิลลี่เป็นอย่างมาก ว่าเพราะเหตุใดถึงยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่เวลาผ่านมาแล้วหลายปี อีกทั้งเมื่อดีเอสไอส่งเรื่องให้อัยการพิจารณา กลับมีความเห็นไม่สั่งฟ้องอีก พวกเราทุกคนจึงได้แต่สงสัยว่า ความยุติธรรมสำหรับคนจนยังมีอยู่จริงหรือไม่” น.ส.พิณนภา กล่าว
“ชาวบ้านยืนยันว่า หากรัฐไทยไม่คลี่คลายคดีพี่บิลลี่ จนนำไปสู่การจับตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ก็จะไม่ยอมให้พื้นที่ป่าแก่งกระจาน ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากคดีของพี่บิลลี่ มีจุดเริ่มต้นมาจากการทวงความเป็นธรรมเรื่องที่ดินทำกินให้กับคนกะเหรี่ยง ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าแก่งกระจานมาอย่างยาวนาน แต่กลับถูกเผาไล่ที่ลงมา ทำให้ขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่อุทยาน จนเขาถูกทำให้หายตัวไปในที่สุด” น.ส.พิณนภา กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า โดยปกติกรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำงานใกล้ชิดร่วมกับอัยการคดีพิเศษ กรณีบิลลี่จึงไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด อัยการคดีพิเศษจึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้องคดี ทั้งที่ดีเอสไอ ยืนยันมีหลักฐานเพียงพอ
"หรือว่าที่จริง ดีเอสไอไม่มีพยานหลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะเอาผิดอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เรื่องนี้จึงอยากให้ดีเอสไอ แถลงข้อเท็จจริงให้ครอบครัวและประชาชนรับทราบ"
"ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการให้ผู้เสียหายฟ้องคดีเอง เนื่องจากครอบครัวบิลลี่ไม่สามารถเข้าถึงพยานหลักฐานในคดีได้ทั้งหมด ทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์" นางอังคณากล่าวต่อว่า "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่เคยให้คำมั่นในการที่จะนำคนผิดคดีการบังคับสูญหายของบิลลี่มาลงโทษ ตามกระบวนการยุติธรรม จึงควรออกมาแถลงข้อเท็จจริงแก่ประชาชนให้ทราบโดยเร็ว"
การหายตัวไปและการเสียชีวิตของบิลลี่
การหายตัวไปนายพอละจี เชื่อว่าเพราะเข้าไปเป็นพยานในคดีที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งในขณะนั้น) ในข้อหาเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน
บิลลี่หายตัวไป เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 หลังจากที่ออกไปเก็บน้ำผึ้ง เพื่อนำไปฝากคนรู้จัก ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อให้การต่อชั้นศาลในวันนัดสืบพยานในเดือนถัดไป นางพิณนภา ภรรยา ได้ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามี แต่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 เนื่องจากศาลเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนายพอละจีไว้ในขณะนั้น
กระทั่ง 3 กันยายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยืนยันว่า ได้พบชิ้นส่วนกะโหลกของนายพอละจี ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า นายพอละจี เสียชีวิตแล้วจากการถูกฆาตกรรม และจากหลักฐานดังกล่าว จึงนำไปสู่การร้องต่อศาล เพื่อขอหมายจับผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้