เรือโดยสารชาวมุสลิมร่วมงานบุญล่มที่อยุธยา พบผู้เสียชีวิตแล้ว 18 ราย สูญหายอีก 11 คน
2016.09.19
กรุงเทพฯ และ ปัตตานี

ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (19 กันยายน 2559)นี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่มในแม่น้ำป่าสัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้แล้ว 18 ราย โดยยังมีผู้สูญหายอีก 11 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า ได้ตั้งข้อหาคนขับเรือลำที่ประสบเหตุแล้ว 4 ข้อหา โดยข้อหาหนักที่สุดคือ กระทำโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพบหลักฐานว่า เรือบรรทุกผู้โดยสารเกินขนาด
พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์ว่า ในวันจันทร์นี้ การค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์เรือล่ม สามารถทำได้เพิ่มเติมจากวันอาทิตย์ 3 ราย ขณะที่ผู้บาดเจ็บจำนวน 45 คนนั้น บางส่วนได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว และการดำเนินคดี ได้ตั้งข้อหาแก่คนขับเรือแล้ว
“ปัจจุบัน ณ เวลานี้ (17.00 น. เวลากรุงเทพ) ผู้เสียชีวิต 18 ราย คือเราได้เพิ่มอีก 3 ราย ลอยน้ำมา สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ 45 คน อยู่ที่โรงพยาบาลเพียงแค่ 13 คน ผู้สูญหาย 11 คน เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ ถ้าเสียชีวิตอาจจะพบลอยขึ้นมาเพิ่ม” พล.ต.ต.สุทธิกล่าว
“ผู้ขับขี่เรือที่พบตัวตั้งแต่เมื่อวาน เราก็แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 4 ข้อกล่าวหา 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย 3.เป็นผู้ควบคุมเรือบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่ได้รับอนุญาตให้บรรทุก เพราะใบอนุญาตให้บรรทุกได้ไม่เกิน 50 คน แต่มีผู้โดยสารประมาณ 110-120 คน และ 4.ผู้ควบคุมเรือใบประกอบอาชีพควบคุมเรือขาดอายุ คือไม่ได้ต่อตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งผู้ต้องหาก็รับสารภาพ เราได้นำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา” พล.ต.ต.สุทธิ เพิ่มเติม
เหตุเรือล่มครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดสนามไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา โดยเรือลำดังกล่าวเป็นเรือโดยสาร 2 ชั้นชื่อ "สมบัติมงคลชัยทับทิม" กำลังมุ่งหน้าพาผู้โดยสารไปร่วมงานประเพณี "งานโฮ้ล" หรืองานทำบุญครูของชาวอิสลาม ที่มัสยิดตะเกี่ยโยคิน ต.คลองตะเคียน แต่เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวได้เกิดเฉี่ยวชนจนจมลงดังกล่าว
สำหรับการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ร่วมมือกับมูลนิธิกู้ภัยภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาระดมกำลังนักประดาน้ำค้นหา โดยตระเวนค้นหาในล่องลำน้ำทั้งสองฝั่งอย่างละเอียดในรัศมี 5 กิโลเมตร
ขณะเดียวกันญาติได้นำร่างผู้เสียชีวิตที่ค้นพบแล้วบางส่วนดำเนินพิธีฝังตามพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยนายจักรกฤษณ์ เส้นขาว ผู้นำศาสนาจากมัสยิดอาลียินนูรอยน์ ได้นำพี่น้องมุสลิมจำนวนมาก รวมกันทำพิธีฝังศพที่ กูโบปากคลองคูจาม เขตหมู่ 7 ตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา หรือสถานที่ฝังศพของ มัสยิดอาลียินนูรอยน์ โดยทำการฝังร่างผู้เสียชีวิต 15 ราย โดยบางส่วนเป็นชาวบ้านจากชุมชนมัสยิดอาลียินนูรอยน์เอง
ชาวมุสลิมจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมแสดงความเสียใจกับเหตุเรือล่ม
ประชาชนที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นชาวมุสลิมที่กำลังเดินทางไปร่วมพิธีกรรมที่สุสานโต๊ะตะเกี่ย โดยจะทำการปล่อยแพะ ปล่อยแกะ เพื่อเป็นการทำบุญขอพร และมีพิธีอ่านนาซีน (บทหนึ่งในอัลกุรอาน) เป็นประเพณีที่ชาวมุสลิมกลุ่มนี้กระทำติดต่อกันทุกปี โดยมักจะจัดขึ้นในช่วงหลังวันรายอฮัจย์ ซึ่งข่าวการอุบัติเหตุนี้ นอกจากจะสร้างความเสียใจให้แก่ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตแล้ว ชาวมุสลิมอื่นๆรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เนื่องจากชาวมุสลิมทั่วประเทศถือว่าเป็นพี่น้องกัน
นางมีเนาะ มูซอ ชาวจ.ยะลา เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียของพี่น้องชาวมุสลิมครั้งนี้
“รุ้สึกว่า ความตายไม่ไกลจากเราเลย ตายง่ายตายได้ทุกเวลา เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องที่ไปทำบุญแล้วเรือล่มระหว่างขากลับ ก็ได้แต่ขอดุอาร์ จาก อัลลอฮ์ (ซบ.)ให้เขาได้ไปสวรรค์ ทุกคนคือพี่น้องกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ศาสนาอะไร จะเป็นญาติหรือไม่ เราก็เสียใจ เมื่อประสบกับเหตุการณ์แบบนี้” นางมีเนาะกล่าว
นางอุไรวรรณ ศรีจันทร์มณี ชาว จ.ปัตตานี เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า แม้จะเป็นชาวไทยพุทธแต่ก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับคนที่ไปทำบุญแล้วเกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับและมีคนตายเยอะๆเจ็บเยอะๆ เสียใจไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาอะไรก็รู้สึกเสียใจ ก็อยากขอพรให้เขาได้ไปสวรรค์ เขาไปทำบุญมาและตายระหว่างกลับคิดว่าเขาไปดีแล้ว” นางอุไรวรรณกล่าว