ฮิวแมนไรท์วอทช์ร้องลาว สอบสวนการหายตัวของสุรชัยและพวก

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2019.01.23
กรุงเทพฯ
190123-TH-activist-body-623.jpg เจ้าหน้าที่กู้ภัยไทยคลุมศพ ที่พบริมฝั่งแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2561
เอพี

องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลลาว ดำเนินการสอบสวนการหายตัวไปของนายสุรชัย อายุ 78 ปี สหายภูชนะ อายุ 54 ปี และสหายกาสะลอง อายุ 47 ปี ซึ่งขาดการติดต่อจากครอบครัวไประหว่างลี้ภัย ในนครหลวงเวียงจันทน์ เมื่อเดือนธันวาคม 2561

“ดูเหมือนว่ารัฐบาลลาวจงใจปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการลักพาตัว และการสังหารนักเคลื่อนไหวจากไทยอย่างโหดเหี้ยม… ทางการลาวต้องสอบสวนอย่างน่าเชื่อถือ และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีอันโหดเหี้ยมนี้ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อชะตากรรมของนักเคลื่อนไหวจากไทยที่ลี้ภัยในลาว” นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

“รัฐบาลลาวไม่ได้สอบสวนอย่างจริงจังต่อการหายตัวไปก่อนหน้านี้ ของนักเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อาศัยอยู่ในเวียงจันทน์ ได้แก่ อิทธิพล สุขแป้น (ดีเจเบียร์) ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 และวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560” แถลงการณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุ

นายสุรชัย แซ่ด่าน อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลทหาร ขาดการติดต่อกับภรรยา ครอบครัว และเพื่อน ทั้งเพื่อนสนิทอีก 2 คน ก็หายตัวไปด้วย ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ต่อมาในวันที่ 27 ธันวาคม 2561 มีศพถูกพบที่ริมตลิ่งใกล้กับตลาดนัดไทย-ลาว หลังเทศบาล ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เจ้าหน้าที่จึงนำศพดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์

หลังจากนั้น นายกฤษดา บุญระมี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่า พบศพ 1 ศพ ในพื้นที่รับผิดชอบของตน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2561 จึงประสานไปยังหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) และเจ้าหน้าที่ได้นำเรือลากศพมาไว้ที่ตลิ่งท้ายบ้านท่าจำปา หมู่ 2 เพื่อรอการตรวจพิสูจน์ แต่เวลาต่อมาแจ้งว่าศพดังกล่าวหลุดลอยไป

กระทั่งวันที่ 29 ธันวาคม 2561 พบศพ 1 ศพ ที่ริมแม่น้ำโขง บ้านสำราญเหนือ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม โดยศพทั้งสองที่พบ ถูกรายงานว่าอยู่ในสภาพใกล้เคียงกัน คือ ใบหน้าถูกทำลายจนไม่สามารถระบุได้ ถูกเชือกไนล่อนรัดคอ จับใส่กุญแจมือ ผ่าท้องยัดแท่งปูน ซึ่งคล้ายหลักทางโค้งของประเทศเพื่อนบ้าน พันด้วยผ้าเทปกาว ห่อตาข่ายสีเขียว ห่อทับอีกชั้นด้วยกระสอบป่าน แล้วรัดด้วยเชือก

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า จังหวัดนครพนมพบศพเพียง 2 ศพ เนื่องจากเชื่อว่าศพที่พบในพื้นที่ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน และศพที่พบใน ต.อาจสามารถ อ.เมือง เป็นศพเดียวกัน

ภรรยาสุรชัย แซ่ด่าน สิ้นหวัง เชื่อศพสามีถูกทำลายแล้ว

นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ อายุ 60 ปี ภรรยาของนายสุรชัย แซ่ด่าน เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ในวันพุธนี้ ว่า นายสุรชัย น่าจะถูกสังหารและทำลายศพแล้ว ทั้งยังระบุว่า รู้สึกสิ้นหวังที่จะพบตัวสามี หลังจากตำรวจยืนยันว่า สองศพที่พบที่นครพนม คือคนสนิทของนายสุรชัย

นางปราณี ระบุผ่านทางโทรศัพท์ว่า หลังจากการที่นายสุรชัยขาดการติดต่อกับครอบครัวและคนสนิทแล้ว กว่า 1 เดือน ประกอบกับข่าวที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่า ศพที่พบในแม่น้ำโขงจังหวัดนครพนม เมื่อปลายเดือนที่แล้ว คือ สหายกาสะลอง และสหายภูชนะ ทำให้ตนรู้สึกสิ้นหวังที่จะพบตัวสามี

“มันเงียบผิดปกติ คงไม่มีหวังแล้วล่ะค่ะ 41 วันแล้ว ไม่มีมาทางสื่อต่างๆ บทความ ไลน์ หรือเสียง หรือออกข่าวต่างๆ ถึงมีข่าวว่ามีคนดูแลปลอดภัยดีมาเป็นเดือนแล้ว แต่มันก็ไม่มีเสียง เพื่อนเขาที่อยู่อเมริกากับฝรั่งเศสก็ไม่ได้ข่าว..” นางปราณี กล่าว

“ศพที่ขึ้นที่ท่าจำปา (นครพนม) คิดว่าเป็นศพของอาจารย์ (นายสุรชัย) เพราะ 2 ศพ ที่พิสูจน์ไปแล้วเป็นของผู้ติดตาม จากข่าวที่นักข่าวรายงานพบว่าเจอ 3 ศพ มีศพนึงข้อเท้าโก่ง ซึ่งตรงกับที่อาจารย์เคยเจออุบัติเหตุ ทำให้ข้อเท้ากระดูกหายไป ขาไม่เท่ากัน ตอนหลัง ศพที่ 3 หายไป ตำรวจว่ามี 2 ศพ คิดว่าศพอาจจะถูกทำลายทิ้งไปแล้ว” นางปราณี กล่าวเพิ่มเติม

นางปราณี ระบุว่า หากเจ้าหน้าที่ทางการไทย หรือตำรวจจะเดินทางไปตรวจสอบที่พักของนายสุรชัย และพวกในนครหลวงเวียงจันทน์ ครอบครัวและตนเองต้องการที่จะเดินทางไปด้วย เนื่องจากอยากจะเห็นที่อยู่อาศัยที่นายสุรชัยเคยอยู่ และเก็บของใช้บางส่วนกลับมาเป็นที่ระลึก หรือใช้งาน

นาย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และนักโทษการเมือง ขณะให้สัมภาษณ์ที่บ้าน ในกรุงเทพ ฯ วันที่ 25 สิงหาคม 2553 (รอยเตอร์)
นาย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือ สุรชัย แซ่ด่าน อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และนักโทษการเมือง ขณะให้สัมภาษณ์ที่บ้าน ในกรุงเทพ ฯ วันที่ 25 สิงหาคม 2553 (รอยเตอร์)

ทั้งนี้ ยังระบุว่า ตนเองไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของนายสุรชัยในประเทศลาว แม้จะเคยพยายามเดินทางไปตามหา แต่ยังไม่เคยได้พบกันเลยนับตั้งแต่ที่นายสุรชัยต้องลี้ภัยออกจากประเทศไทย หลังรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

“เคยไปตามหา แต่ไม่เจอ ช่วงหลังรัฐประหาร อาจารย์ไม่อยู่ ป้าไม่มีเงินใช้ เพราะขายของไม่ได้แล้ว ต้องการจะขายบ้านและรถที่เป็นชื่อของอาจารย์ และจะกลับไปอยู่บ้านเดิมที่ลำปาง เลยต้องไปให้เขาเซ็นมอบอำนาจให้ จะได้ขายบ้าน รถ ที่ดิน เพื่อเอาเงินมาใช้จ่าย แต่ไปได้แค่ บขส. เวียงจันทน์ ติดต่อไม่ได้” นางปราณี ระบุ

ด้าน พล.ท.ธรากร ธรรมวินธร แม่ทัพกองทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นอกเหนือเขตความรับผิดชอบของฝ่ายทหารไทย และตนเองไม่ทราบว่า นายสุรชัยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

“กลุ่มคนดังกล่าวอยู่นอกเขตความรับผิดชอบ เราทำอะไรไม่ได้ เขาไปอยู่ใน สปป.ลาว หลายปีแล้ว เราไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่นั่นแล้ว มีปัญหากับใครหรือไม่... ส่วนนายสุรชัยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ ถ้าเขาอยู่ในประเทศไทย เรื่องความปลอดภัยเราดูแลเต็มที่แน่นอน” พล.ท.ธรากร กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

“ส่วนใหญ่เขาเคลื่อนไหวอยู่ใน สปป.ลาว ตามที่ปรากฏข่าวสาร เราเองไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามเขาถึง สปป. ลาว เพราะเป็นพื้นที่นอกเขตความรับผิดชอบ” พล.ท.ธรากร กล่าว เพิ่มเติม

ผลตรวจดีเอ็นเอยืนยัน 2 ศพ ที่นครพนม เป็นคนสนิทสุรชัย

พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอของศพที่พบในพื้นที่นครพนม กับตัวอย่างดีเอ็นเอของญาติแล้ว ยืนยันว่าทั้งสองศพที่พบ เป็นคนสนิทนายสุรชัยจริง

“ผลตรวจของทั้งสองศพตรวจยืนยันกับญาติ คือลูกชาย นิติเวชยืนยัน ไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ ระหว่างการเป็นบิดาและบุตร ที่ธาตุพนมเป็นศพนายชัชชาญ บุปผาวัลย์ (สหายภูชนะ) และที่อำเภอเมือง ผลการตรวจไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์บิดาและบุตร ผู้ตายคือ นายไกรเดช ลือเลิศ (สหายกาสะลอง)”

โดยนางปราณียืนยันว่า นายชัชชาญ และนายไกรเดช เป็นคนสนิทที่ลี้ภัย และอาศัยอยู่ร่วมกับนายสุรชัย ในนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว และต่อข้อสงสัยของนางปราณี ที่เชื่อว่าศพที่พบในพื้นที่ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน ที่ภายหลังหลุดลอยน้ำหายไป คือ นายสุรชัย นั้น พล.ต.ต.ธนชาติยืนยันว่า จังหวัดนครพนมพบศพเพียง 2 ศพเท่านั้น ศพที่พบที่ท่าจำปา ไม่มีการยืนยัน

องค์กรสิทธิฯ กล่าวว่า ประเทศลาวและไทย มีประวัติย่ำแย่ในการสืบสวนการหายตัวของนักเคลื่อนไหว

ประเทศลาวล้มเหลวในการตรวจสอบการหายตัวไปของ นายสมบัด สมพอน นักกิจกรรมพัฒนาชนบทหัวก้าวหน้า ซึ่งถูกเห็นในทีวีวงจรปิด ว่าถูกลักพาตัวจากถนน ในเมืองเวียงจันทน์ของลาว ในเดือนธันวาคม 2555

ส่วนประเทศไทย ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา เมื่อกลางปีที่แล้ว ให้กรมอุทยานแห่งชาติจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวกระเหรี่ยง จากการถูกเผาที่พักและยุ้งฉางไล่ที่ เป็นการปิดคดีการลักพาตัว นายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และหนึ่งในพยานของคดีการเผาบ้านกะเหรี่ยง ที่หายตัวไป ในระหว่างการต่อสู้คดี จนถึงปัจจุบัน โดยบิลลี่ถูกพบเห็นหลังสุด เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2557 ใกล้กับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในจังหวัดเพชรบุรี

และในปี 2558 ศาลไทยได้ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกต้องสงสัยและกล่าวหาว่า ลักพาตัวทนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความที่เป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากถนน ในกรุงเทพฯ เมื่อปี 2547

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง