ครบ 1 ปีเหตุระเบิดราชประสงค์ เหยื่อสาหัสปรากฏตัวร้องรัฐช่วยดูแล
2016.08.17
กรุงเทพฯ

วันพุธ(17 สิงหาคม 2559)นี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ได้ร้องขอความช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังแถลงความคืบหน้าคดีระเบิด ในวาระครบรอบ 1 ปี การเกิดเหตุ ด้านนายกรัฐมนตรีระบุได้สั่งกันไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อให้ดูแลเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดทั้งหมด
นางสาววิชิรตา ดวงมะโน อายุ 30 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในงานแถลงความคืบหน้าคดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ดังกล่าว
“ทำไมไม่อำนวยความสะดวกในการรักษาให้บ้าง ทั้งๆที่ตอนแรกบอกว่าจะดูแลจนจบสิ้นการรักษา แต่หนูว่านี่ยังไม่จบเลย ทำไมไม่มีใครมาติดตามผลบ้าง ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่ได้รับบาดเจ็บบ้าง ทำไมไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง” น.ส.วิชิรตากล่าว
“อยากรู้ว่ามาตรการในการช่วยเหลือตอนนี้ มีกระทรวงไหน หรือว่าหน่วยงานไหนที่ติดตามเราอยู่ อยากรู้ว่ากระทรวงไหนต้องช่วยเหลือเราบ้าง” น.ส.วิชิรตาเพิ่มเติม
น.ส.วิชิรตา ระบุว่า เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดครั้งดังกล่าว เธอให้ข้อมูลว่าเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิด และต้องพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู 2 สัปดาห์ เนื่องจากช่องท้องทะลุ กระดูกไหปลาร้าแตก ตับ ไต ฉีก ต้องตัดไตออก 1 ข้าง ต้องดามเหล็กจากสะโพกถึงขา ต้องผ่าตัดมือด้านซ้ายและปัจจุบันยังใช้งานได้ไม่ปกติ หูซ้ายไม่ได้ยินเสียง และต้องรับยาระงับประสาทตลอดชีวิต
สำหรับการเยียวยาจากภาครัฐในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มีเพียงกระทรวงยุติธรรมให้ค่ารักษาพยาบาล 103,000 บาท และสำนักงานกรุงเทพมหานคร 30,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าในทางปฎิบัติไม่เพียงพอ เนื่องจากหลังเหตุระเบิดครั้งดังกล่าว เธอไม่สามารถกลับไปทำงานได้ ขณะที่การรักษาพยาบาลต้องกระทำอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปี และมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าที่ได้รับเยียวยา ขณะที่การยื่นหนังสือไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังจากรับทราบข้อเรียกร้องของนางสาววิชิรตาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องทั้งหมดไว้แล้ว และจะได้ช่วยประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
“นี่เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนซึ่งตำรวจเราก็มีหลายหน่วย หลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น อันนี้เราอยู่ในส่วนของการสืบสวนจับตัวคนร้าย เดี๋ยวเราจะประสานงานในส่วนนี้ให้ เราจะประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีสั่งการไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยเหลือ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าว รับทราบความเดือดร้อนแล้ว และได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการรับผิดชอบ
“ผมสั่งการไปแล้วนะ วันนี้สั่งการให้มีบูรณาการทั้งหมด โดยให้อาจารย์วิษณุ เป็นกรรมการ หลายหน่วยงานเขามีงบประมาณอยู่ แต่ว่าถ้าต่างคนต่างให้บางทีมันไม่สร้างอิมแพคโดยตรง อาจจะไม่เพียงพอ ก็ต้องเสนอมาตรการมาที่รัฐบาล รับรองว่าจะดูแลให้เต็มที่” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตามการเยียวยาจะเป็นไปตามมาตรการต่างๆที่รัฐระบุ ซึ่งอาจจะไม่เป็นที่พอใจของบางคน หรือมีความล่าช้า แต่ทั้งหมดสามารถเสนอให้รัฐบาลรับทราบได้ โดยรัฐบาลก็จะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ด้านมาตราการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดราชประสงค์ สำหรับกรณีค่ารักษาพยาบาล คือ 1. ให้เท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท 2. ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 3. ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ไม่เกิน 30,000 บาท
ซึ่งการเยียวยาตามอัตราดังกล่าวเริ่มจ่ายให้ผู้เสียหายไปแล้ว ในวันที่ 19 สิงหาคม 2558 และทยอยจ่ายไปทั้งหมดแล้ว
ความคืบหน้าคดีระเบิดราชประสงค์
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ตำรวจพอใจกับความคืบหน้าของคดี ที่สามารถนำผู้ต้องสงสัย 2 รายเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ โดยปัจจุบัน กำลังพยายามสืบสวนหาผู้กระทำผิดรายอื่นมาดำเนินคดีเพิ่มเติม
ในช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ คนร้ายในชุดเสื้อสีเหลืองได้นำกระเป๋าซึ่งบรรจุระเบิดไปวางไว้ใต้เก้าอี้นั่งด้านในศาลท้าวมหาพรหม และจุดระเบิดซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บกล่าว 160 คน
หลังจากเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คนคือ นายอาเด็ม คาราดัก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ บิลาล โมฮัมเหม็ด และนายไมไรลี ยูซุฟู ซึ่งทั้งคู่เป็นคนเชื้อสายอุยกูร์ สัญชาติจีน ซึ่งแม้ในชั้นสอบสวนทั้งคู่จะสารภาพว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุ แต่ในการไต่สวนของศาลทหาร ผู้ต้องหาทั้ง 2 กลับปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังออกหมายจับผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกซัดทอดอีก 2 คน คือนายยงยุทธ พยุงวงศ์ และน.ส.วรรณา สวนสัน ซึ่งทั้งคู่อยู่ระหว่างการหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 17 คนที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามตามตัวมาดำเนินคดีอยู่