ผู้หญิงสองรายเสียชีวิต จากเหตุระเบิดร้านคาราโอเกะในปาดังเบซาร์
2015.07.10

ในช่วงค่ำของวันศุกร์ (10 ก.ค. 2558) เกิดเหตุวางระเบิด และการใช้ระเบิดมือโจมตี ย่านตลาดค่ำ ในปาดังเบซาร์ และสุไหงโกลก เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงสองราย และได้รับบาดเจ็บ 11 ราย ซึ่งมีหญิงสาวชาวลาวสามรายรวมอยู่ด้วย
พ.ต.ท. จาริพัฒน์ ทองแดง ผบ. กองร้อย 437 กล่าวว่า ช่วงเวลาใกล้สามทุ่ม ได้เกิดเหตุระเบิดโดยได้มีการซ่อนระเบิดไว้ในรถจักรยานยนต์ ที่ร้านคาราโอเกะ ชื่อร้านครกทอง ในบริเวณตลาดปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ข้างป้อมตำรวจ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ น.ส.อารอน ธรรมขัน อายุ 43 ปี และ น.ส. เปรี้ยว (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง) ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อ 3 ราย คือ น.ส.ปิยะธิดา ไชยพรหม อายุ 31 ปี น.ส. พัชราภรณ์ ทีวงศ์ อายุ 31 ปี และนางอลิสา ชุมนิรัตน์ อายุ 51 ปี มีอาการสาหัส ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่
พ.ต.ท. จาริพัฒน์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่พยายามสร้างสถานการณ์รุนแรงในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนถือศีลอด
ส่วนในตอนค่ำเช่นกัน เกิดเหตุวางระเบิดและการใช้ระเบิดมือโจมตีย่านการค้ากลางคืนและโรงเรียนในสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 8 ราย ในจำนวนนี้ หญิงชาวลาวรวมอยู่ด้วยสามราย
รายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 8 ราย ได้แก่ 1. น.ส.วรดา บุดตรี สามารถกลับบ้านได้แล้ว 2. นาย มูฮัมหมัดกัลดาฟีห์ ดอเลาะ กลับบ้านได้แล้ว 3. นางเวทีนี บัวบาน ขาซ้ายบาดเจ็บ ต้องดูอาการ 4. น.ส.กัญญารัตน์ วันทอง กลับบ้านได้แล้ว 6. นางอุมา พู่ทอง ผ่าตัดบริเวณลำคอจากเศษกระจก ไม่โดนอวัยวะสำคัญ นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 7. น.ส.นารี มณีวรรณ (สัญชาติลาว) กลับบ้านได้แล้ว 8. น.ส. วิไล จันดารา (สัญชาติลาว) กลับบ้านได้แล้ว และ รายสุดท้าย น.ส. แอนนี่ เอี่ยมศรี (สัญชาติลาว) พบกระดูกไหปลาร้าบาดเจ็บ แพทย์ให้รอดูอาการ
ก่อนหน้าเกิดเหตุในวันนี้ พันเอกปราโมทย์ พรหมอินท์ โฆษก กอ.รมน. ภาคสี่ ส่วนหน้า ได้ออกคำเตือนการก่อเหตุในช่วงสิบวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน
“สถานการณ์ในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามความเชื่อที่ถูกบิดเบือนว่าจะได้ผลบุญเป็นทวีคูณ ด้วยการลอบยิงและลอบวางระเบิดต่อพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวชี้นำทางความคิด และบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่ออ้างเป็นความชอบธรรมในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง” พ.อ. ปราโมทย์กล่าว