ตำรวจส่งอินเตอร์โพลออกหมายจับ บอส อยู่วิทยาแล้ว
2020.08.26
กรุงเทพฯ

ในวันพุธนี้ พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า ได้ทำเรื่องขอให้ องค์การตำรวจสากล (Interpol) ออกหมายจับนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทบริษัทกระทิงแดงแล้ว โดยจะส่งสำนวนการสอบสวนให้อัยการพิจารณาในวันศุกร์นี้
พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ผ่านโทรศัพท์ว่า ได้ทำสำนวนการสอบสวนคดีของนายวรยุทธ เสร็จสิ้นแล้ว และได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อนำตัวนายวรยุทธกลับมาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายแล้ว
“ได้ส่งสำนวนไปยังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ประสานตำรวจสากล ออกหมายจับแล้ว ส่งวันนี้ ใช้หมายจับของศาลอาญา และสำนวนเสร็จแล้วส่งไป ตอนนี้ยังไม่ได้ส่งสำนวนให้กับอัยการ แต่จะส่งในวันศุกร์นี้” พ.ต.ท.ธนาวุฒิ กล่าว
“ข้อหา 1. ขับรถโดยประมาท เป็นให้เฉี่ยวชนรถอื่นเสียหาย มีผู้ถึงแก่ความตาย 2. ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือ และ 3. ข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (โคเคอีน) รายละเอียดอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยได้” พ.ต.ท.ธนาวุฒิ กล่าวเพิ่มเติม
ในวันเดียวกัน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพร้อมจับนายวรยุทธทันที หากนายวรยุทธ พยายามเดินทางเข้าประเทศไทย
“สั่งการไปแล้ว ก่อนที่จะมีหมายล่าสุด ถ้าเจอตัวนายบอส หรือ วรยุทธ อยู่วิทยา เราจะมีการจับกุม ตามหมาย ถ้าหากว่าหมายมีผลสมบูรณ์ แต่ถ้าเกิดกรณีที่ศาลออกหมายจับเพิ่มข้อหาจากเมื่อวาน พนักงานสอบสวนแจ้งเรามา เราก็จะดำเนินการซึ่งเรามีหมายจับเก่าอยู่แล้ว ถ้าเข้ามา ตม. เราจับแน่” พล.ต.ท.สมพงษ์
ทั้งนี้ ในวันจันทร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้เดินทางไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ออกหมายจับนายวรยุทธ ผู้ต้องหาในคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับนายวรยุทธแล้วลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563
“เดิมเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 ตำรวจ สน.ทองหล่อ ขอศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ออกหมายจับนายวรยุทธ ใน 2 ข้อหา คือ ขับรถประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหายและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที” นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวแก่สื่อมวลชนในวันอังคารนี้
“ต่อมาอัยการสั่งให้ตำรวจไปสอบสวนพยานหลักฐานใหม่ เพื่อนำไปประกอบการสั่งคดี ตำรวจจึงไปยื่นขอศาลออกหมายจับใหม่ โดยเป็นการใช้ข้อหาตามหมายจับเดิม และเพิ่มข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมายอีก 1 ข้อหา ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วก็อนุญาตให้เพิกถอนหมายจับเดิม เมื่อปี 2560 และให้ใช้หมายจับใหม่ที่มี 3 ข้อหาดังกล่าวได้” นายสุริยัณห์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับคดีที่นายวรยุทธ หลานชายของ นายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องดื่มกระทิงแดง ตกเป็นผู้ต้องหานั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เวลาประมาณ 05.30 น. เกิดเหตุรถยนต์สปอร์ตขับชนรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่ปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เสียชีวิต
กระทั่งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ต่ออัยการใน 7 ข้อหา ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง นายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล และ ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย
27 เมษายน 2560 อัยการสูงสุดออกหมายเรียกให้นายวรยุทธ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่นายวรยุทธไม่ไปตามนัด จึงได้มีการออกหมายจับ ต่อมาคดีทั้งหมดของนายวรยุทธได้หมดอายุความลงระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นอัยการ เหลือเพียงข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งมีอายุความ 15 ปี และจะหมดอายุความ ในวันที่ 3 กันยายน 2570 เพียงข้อหาเดียว
กระทั่งกลางเดือนกรกฎาคม 2563 สื่อหลายสำนักได้เปิดเผยเอกสาร ซึ่งลงนามโดย พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการสอบสวน ปฏิบัติราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2563 แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก การที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เป็นผลให้คดีที่เกี่ยวกับการขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจของ นายวรยุทธ ทั้งหมดเป็นอันสิ้นสุดลง ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากประชาชนในสังคม และอินเทอร์เน็ต ถึงกระบวนการพิจารณาคดีดังกล่าว
ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวขึ้นมา นำมาสู่การเปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างน้อย 14 ราย บกพร่องในการทำคดีดังกล่าว และพบหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้ตำรวจกลับมาสอบสวนคดีนี้ใหม่อีกครั้ง จนนำมาสู่การออกหมายจับในสัปดาห์นี้