นายกฯ กล่าวเหตุกราดยิงแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยอดเสียชีวิตถึง 30 ราย
2020.02.09
กรุงเทพฯ

อัพเดทข่าว เวลา 3:45 p.m. ET 2020-02-09
ทหารก่อเหตุกราดยิง ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเสาร์ จนถึงช่วงสายวันอาทิตย์ อาจมาจากเรื่องส่วนตัว ปมเงินค่าตอบแทนเรื่องการค้าขายที่ดินที่ไม่ได้รับตามตกลง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บ 58 ราย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เริ่มตั้งแต่บ่ายสามโมง ของวันเสาร์ที่ 8 ก.พ. 2563 ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์เวลาเก้าโมงกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุจึงระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อเหตุกราดยิงกลางห้างเทอร์มินอล 21 จังหวัดนครราชสีมาแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารร่วมปฏิบัติการกว่า 17 ชั่วโมง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารผู้ก่อเหตุกราดยิงเจ้าหน้าที่และประชาชน ในเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นล่าสุด
“เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลจะละเลยความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงด้วย เป็นสิ่งที่เราจะต้องช่วยเหลือกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
"ปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว เรื่องซื้อขายที่ดิน เรื่องเงินค่าตอบแทน... เขาทะเลาะกันมาแล้ว สามวันแล้ว" พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ส่วนในค่ำวันอาทิตย์นี้ นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้แถลงสรุปจำนวนผู้เสียชีวิต
“ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตทำการชันสูตรอยู่ทั้งหมด 30 ราย ซึ่งเป็นการเสียชีวิตลำเลียงมาจากเทอร์มินอลภายหลังที่เคลียร์พื้นที่แล้ว 7 ราย กับเสียชีวิตขณะที่รักษาอยู่โรงพยาบาลด้วยการผ่าตัดสองราย ยอดรวมจาก 21 เป็นทั้งหมด 30 ราย”
“ผู้บาดเจ็บ 58 ราย พักรักษาตัวในโรงพยาบาล 30 ราย กลับบ้านได้แล้ว 28 ราย”
ประชาชนหลายพันคนพากันจุดเทียนและนำดอกไม้มาวางบริเวณหน้าเทอร์มินอล 21 เพื่อไว้อาลัยผู้เสียชีวิต ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ในคืนวันอาทิตย์ ในตัวเมืองโคราช
โดยในวันอาทิตย์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงกลาโหม เดินทางถึง จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว เริ่มต้นในช่วงบ่ายสามโมงของวันเสาร์ เมื่อ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ใช้อาวุธปืนยิง พ.อ.อนันต์ ภูโรจน์กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของตนเอง พร้อมด้วยมารดาของ พ.อ.อนันต์ จากนั้นได้ขับรถไปชิงอาวุธปืนและกระสุนจากคลังอาวุธ รวมทั้งขโมยรถฮัมวี่ของเจ้าหน้าที่ขับออกมา ระหว่างนั้นได้กราดยิงพลทหารบาดเจ็บ 1 รายและ เสียชีวิตอีก 1 ราย และระหว่างหลบหนี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ได้มีการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต
ก่อนจะขับรถหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวที่ห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นภาพของคนร้ายเดินอยู่ภายในห้างพร้อมด้วยอาวุธปืนสงครามในมือ ขณะที่ก็ได้ถ่ายคลิปภาพของตนเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวานิช โฆษกกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ ระบุว่า "เหตุดังกล่าวเกิดจากอาการคลุ้มคลั่งของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ที่ได้นำอาวุธไล่ยิงเจ้าหน้าที่ทหารในค่ายและแย่งอาวุธปืนและกระสุน ออกมาไล่ยิงประชาชน บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายรายในที่สาธารณะ"
“คนร้ายเป็นจ่า สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองทัพภาค 2 แน่นอนมีความรู้เรื่องการใช้อาวุธปืน แต่เราเองก็ไม่ได้ประมาทว่าจะให้มีลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น อาการแบบนี้คือ อาการคลุ้มคลั่งผิดปกติ ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเกิดจากอะไร ต้องสอบสวนอีกทีว่า ที่มาที่ไป หรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” พล.ท. คงชีพ ระบุ
ระหว่างที่คนร้ายอยู่ในห้างและกราดยิง ได้โพสต์ข้อความลงไปในเฟสบุ๊คส่วนตัว เช่น “สามศพ ล้างแค้น นอกนั้นป้องกันตัว” ซึ่งต่อมา กระทรวงดิจิตอลฯ ออกมาระบุว่าได้ประสานไปยังเฟซบุ๊ก เพื่อให้ปิดบัญชีดังกล่าวแล้ว
จากการเปิดเผยของสามีผู้เสียชีวิตรายแรก ระบุว่า น่าจะเกิดจากปมเงินทอนจำนวน ห้าหมื่นบาท จากการขายที่ดิน ที่นายหน้าไม่นำไปให้จ่าคนดังกล่าว เมื่อมีการนัดคุยกันในวันเสาร์ช่วงบ่าย เกิดความไม่เข้าใจกันจึงทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงค่ำเจ้าหน้าตำรวจกองปราบ ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพว่า สามารถเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 และช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในห้างได้หลายร้อยคน ขณะที่ปฎิบัติการจับกุมคนร้ายยังดำเนินอยู่
ทั้งนั้ เจ้าหน้าที่ได้พยายามเคลียร์ผู้ที่ตกค้างอยู่ภายในห้างที่มี 7 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน ขณะที่ญาติของผู้ติดค้างภายในห้าง กล่าวว่า คนร้ายได้ต้อนคนจำนวนหนึ่งไว้เป็นตัวประกัน
ซึ่งญาติของผู้ที่ติดอยู่ในห้างบอกว่า มือปืนจับตัวประกันไว้บนชั้นห้าของห้าง ผู้สื่อข่าวรายงาน
เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อเวลา 02.40 เช้าวันอาทิตย์ มีเสียงปืนยิงหลายนัดเป็นชุดเป็นระยะ ในห้วงเวลาราวเกือบสิบนาที ตามรายงานสำนักข่าวในประเทศไทย
ต่อมา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบ ได้นำหน่วยคอมมานโดของกองปราบบินโดยเฮลิคอปเตอร์จากกรุงเทพฯ เมื่อเดินทางถึงห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21 ได้เข้าปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุ และบุกเข้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ก่อนจะเริ่มอพยพประชาชนที่ติดอยู่ในห้างด้วยความหวาดกลัว ออกจากชั้นหนึ่งของห้าง
โดยเมื่อเวลาประมาณ 3:00 น. ของเช้ามืดวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งนำประชาชน 9 ราย ออกจากที่เกิดเหตุ และนำขึ้นรถพยาบาลทันที
ส่วนทางเฟซบุ๊ก กล่าวว่า ได้มีการระงับบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กของมือปืนและกำลังพยายามลบ "เนื้อหาที่ละเมิด" หลังจากที่ทหารมือปืนได้โพสต์ข้อความที่อัพโหลดทางออนไลน์ ในระหว่างการไล่กราดยิงประชาชน
"เราได้ลบภาพมือปืนจากหน้าเฟซบุ๊กของเรา และไม่พบหลักฐานว่า เขาถ่ายภาพเหตุรุนแรงใน เฟซบุ๊กไลฟ์ (FBLive)" โฆษกของบริษัทเฟซบุ๊กกล่าวในแถลงการณ์ ทางอีเมล แก่เบนาร์นิวส์
ผู้ต้องสงสัยดังกล่าวปรากฏตัวสั้น ๆ ใน เฟซบุ๊กไลฟ์ แต่การออกอากาศในไม่กี่วินาทีนั้น ไม่ได้มีภาพความรุนแรงใด ๆ
อวยพร สถิตย์ปัญญาพันธุ์ ในวอชิงตัน มีส่วนในรายงานนี้