ศาลปัตตานีจำคุกตลอดชีวิตมือระเบิด 3 ราย ในเหตุสายบุรี ปี 60

มารียัม อัฮหมัด
2019.02.01
ปัตตานี
190201-TH-violence-1000.jpg เจ้าหน้าที่ตรวจจุดระเบิด บนถนนสายเจาะกือแย-สายบุรี ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี วันที่ 22 กันยายน 2560
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ รองโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และทนายความ ได้เปิดเผยว่า ศาลชั้นต้นในจังหวัดปัตตานี ได้ตัดสินประหารชีวิตจำเลยสามราย ในคดีวางระเบิดส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารพราน เสียชีวิต 4 นาย ในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อเดือนกันยายน 2560 แต่ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนั้น ให้จำคุกจำเลยอีกสองราย คนละ 14 ปี ส่วนอีกหนึ่งราย ให้ยกฟ้อง

พันเอกธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แถลงที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ว่า เมื่อวันที่ 17 มกราคม ศกนี้ ศาลปัตตานี ได้พิจารณาคดีลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4412 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เหตุเกิดในพื้นที่ถนนสายเจาะกือแย-สายบุรี หมู่ที่ 1 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 6 นาย

พ.อ.ธนาวีร์ และนายอนุกูล อาแวปูเตะ ประธานศูนย์ทนายมุสลิมจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ศาลชั้นต้น ได้มีคำสั่งพิพากษาคดีดำหมายเลขที่ 4445/60 ในฐานความผิดก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ฆ่า และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พรบ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าราย คือ จำเลยที่ 1 นายมะยูโซ๊ะ มะยะเด็ง จำเลยที่ 2 นายอามีน เฮาะยา จำเลยที่ 3 นายมาหะมะซอรี สะแม จำเลยที่ 4 นายอานัส อาแด และจำเลยที่ 5 นายอับดุลปาตัช สามะ

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ประหารชีวิต จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะจำเลยทั้งสามได้รับสารภาพในชั้นซักถาม และให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 นั้น ศาลพิพากษาให้จำคุก 31 ปี แต่ทั้งสองคนได้รับสารภาพในชั้นซักถามและเป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษเหลือ จำคุก 14  ปี

พ.อ.ธนาวีร์ กล่าวอีกว่า ศาลได้ยกฟ้องจำเลยหนึ่งราย คือ นายฟัครุดดีน อูมา และยังอยู่ระหว่างการสืบพยาน ในส่วนคดีของ นายมะรอตือปี กาแปะ ซึ่งจำเลยคนที่ 7 ในเหตุการณ์เดียวกัน

จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้จำนวน 5 ราย ในสามวันถัดมา และจับกุมเพิ่มเติมในภายหลังอีกสองราย โดย พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี กล่าวในขณะนั้นว่า เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดว่า เป็นหน่วยจรยุทธ์ขนาดเล็กที่เรียกว่า "อาร์เคเค" ของขบวนการบีอาร์เอ็น

"ผลสรุปการดำเนินคดีดังกล่าว ได้มีการออกหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 18 หมาย ผู้ต้องหาถูกวิสามัญ 2 ราย และสามารถจับกุมได้ 7 ราย ศาลพิพากษาลงโทษ 5 ราย อยู่ระหว่างสืบพยาน 1 ราย คือ นายมะรอตือปี กาแปะ ส่วนอีก 1 ราย คือ นายฟัครุดดีน อูมา ศาลยกฟ้อง" พ.อ.ธนาวีร์ กล่าว

พ.อ.ธนาวีร์ กล่าวอีกว่า ผลจากคำพิพากษาดังกล่าว เป็นไปตามพยานหลักฐานและลักษณะฐานความผิด และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมุ่งบังคับใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่คำพิพากษาดังกล่าว

"เคารพการตัดสินของศาล ก็ต้องเป็นไปตามที่ศาลสั่ง ผิดถูกคิดว่า เขาน่าจะรู้ตัวเองดี เราจะบอกอะไรก็ยาก เพราะทำทุกอย่างแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ศาลตัดสินแบบนี้ก็ต้องยอมรับ" ญาติของนักโทษคนหนึ่ง กล่าวโดยไม่ประสงค์จะระบุตัวตน

ทั้งนี้ ญาติของนักโทษรายดังกล่าว และทนายความอนุกูล อาแวปูเตะ ยืนยันว่าจะอุทธรณ์คดีต่อไป

"กรณีนี้ ทนายมุสลิมได้ดูแลคดีอย่างเต็มที่ พร้อมเตรียมดำเนินการยื่นเรื่องขออุทธรณ์ต่อศาล" ทนายความอนุกูล กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง