คนร้ายยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย และเด็กสองขวบเจ็บ ที่แม่ลาน ปัตตานี
2019.11.15
ปัตตานี

ในช่วงเย็นวันศุกร์นี้ เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ประชาชน ขณะกำลังขี่จักรยานยนต์จากตลาดกลับบ้านพัก ในอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ขณะเดียวกัน พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความคืบหน้าการตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุบุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร และชาวบ้าน ในจังหวัดยะลา เสียชีวิต 15 คน เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562
ร.ต.อ.ณัฐนนท์ อินทองมาก รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ลาน จังหวัดปัตตานี เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า เมื่อช่วงเย็น เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงชาวบ้านที่กำลังขี่จักรยานยนต์กลับบ้านพัก บริเวณพื้นที่ รอยต่อ ม.5 บ้านตุปะ ต.ควนโนรี และ ม.3 บ.ละโพะ ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และเด็กเล็กบาดเจ็บ 1 คน
“คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ลอบยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย คือ นายอนุกูล ขุนแก้ว อายุ 60 ปี นางยุพิน ขุนแก้ว อายุ 55 ปี และเด็กหญิงจันทราการต์ อินทพรหม อายุ 2 ปี 7 เดือน (หลานของสองสามีภรรยาที่เสียชีวิต) ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เหตุเกิด ขณะที่ทั้งสามคนกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากตลาดนัด” ร.ต.อ.ณัฐนนท์ กล่าว
ร.ต.อ.ณัฐนนท์ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นบิดาและมารดาของ ส.ต.อ.สุรกานต์ ขุนแก้ว ผบ.หมู่ ปพ.ภ.จว.ยะลา ช่วยราชการ ฝอ.4 ภ.จว.ยะลา
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ผบ.ฉก.ปัตตานี) ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จัดกำลังออกไล่ล่าคนร้าย พร้อมให้ฐานปฏิบัติออกลาดตระเวน และตั้งจุดสกัดบนเส้นทางเพื่อตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาในพื้นที่ โดยเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่ พยายามก่อเหตุต่อเป้าหมายอ่อนแอเพื่อแสดงศักยภาพในการสร้างสถานการณ์
ผบ.ทบ. ลงใต้ยืนยันเจ้าหน้าที่ยังมีกำลังใจดี
พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงศ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อประชุมมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และติดตามความคืบหน้าการตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุบุกยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาสาสมัคร และชาวบ้าน ในจังหวัดยะลา เสียชีวิต 15 คน เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 ที่ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยเปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า ฝ่ายความมั่นคงจะยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างมีกำลังใจ ควบคู่ไปกับการที่รัฐบาลเดินหน้าเจรจา เพื่อแสวงหาความสงบ
“ผมเชื่อว่า เขาต้องการเพียงจะแสดงออกเฉยๆ ว่า เขาสามารถที่จะดำเนินการ เหมือนกับดำเนินกลยุทธ์เปิดยุทธการได้อย่างใหญ่ มีการประชุมหารือ… คงมีการเตรียมการวางแผนมาอย่างดี และเลือกเป้าหมายแล้ว แนวความคิดว่าจะตอบโต้ ไม่ตอบโต้ทางการทหารนั้น อันนี้เราไม่ทราบ แต่การก่อเหตุครั้งนี้สร้างความสะเทือนขวัญ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ท้อถอย” พล.อ.อภิรักษ์ กล่าว
พล.อ.อภิรักษ์ ระบุว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการพูดคุยเพื่อสันติสุขอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่ไปถึงระดับผู้บริหาร เช่น หากนายกรัฐมนตรีไทยมีโอกาสก็พูดคุยเกี่ยวกับการสร้างสันติสุขกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ขณะที่ข้าราชการจำเป็นต้องทำหน้าที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
“ปัญหาชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้น มันเหมือนอาชญากรรมในทุกพื้นที่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือ ปัญหาภายในประเทศ ไม่ใช่ปัญหาต่างชาติ มีหลายกลุ่มที่พยายามจะดึงองค์กรต่างๆเข้ามา เพื่อให้มันเป็นองค์กรระดับชาติ ระดับโลก ซึ่งในความเป็นจริง ถึงแม้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะมีผู้นับถือศาสนาอิสลามค่อนข้างที่จะเยอะ แต่เราไปเปรียบเทียบชีวิตความเป็นอยู่กับประเทศมุสลิมอื่นๆ ในภูมิภาคว่า ใครอยู่ดีกว่ากัน ทั้งที่นับถือศาสนาเดียวกัน เราเปิดสิทธิเสรีภาพมาเป็นเวลานาน เราไม่เคยแบ่งแยก” พล.อ.อภิรักษ์ ระบุ
ความคืบหน้าการหาตัวผู้ก่อเหตุยิง ชรบ. ลำพะยา
ปัจจุบัน ศาลจังหวัดยะลา สามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 3 ราย คือ นายอาดัม มูสอดี, นายซะอุดี ติงอูเซ็ง และนายนัสรูเลาะห์ สะมะ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอยู่ในกระบวนการซักถาม 11 คน และรู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 12 คน อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อออกหมายจับในอนาคต
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า การตรวจสอบพยานและหลักฐาน รวมถึงการดำเนินกระบวนการซักถาม ทำให้ได้ข้อมูลผู้ก่อเหตุมากขึ้นแล้ว น่าจะนำไปสู่การออกหมายจับเพิ่มเติมได้เร็วๆนี้
“พบรอยเลือด 5 รอย ที่ไม่ตรงกับผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ ระบุได้ 1 คน คือ นายซะอุดี ออกหมายจับมาแล้ว ส่วนรอยเลือดอีก 4 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อระบุตัวบุคคล ส่วนระเบิดที่คนร้ายได้วางเสาไฟ 3 จุด พบตำหนิของเอกลักษณ์ที่ตรงกันทั้ง 3 ลูก จึงเชื่อว่าประกอบพร้อมกันโดยบุคคลเดียวกัน ในพื้นที่บ้านบาตัน หมู่ 4 ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา” พล.ต.ท.รณศิลป์ กล่าว
“วันที่ 8-9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตรวจค้นเป้าหมายสามารถควบคุมบุคคลต้องสงสัยได้ 11 คน และได้ปล่อยตัวกลับภูมิลำเนาแล้ว 6 คน และบางส่วนของผลการซักถามที่รับสารภาพ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา จึงได้ขยายผลโดยการเข้าตรวจค้นสามารถควบคุมตัวเพิ่มเติมอีกจำนวน 6 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการซักถามขยายผลรวมจำนวน 11 คน” พล.ต.ท.รณศิลป์ ระบุ
ด้าน พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผอ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ปัจจุบัน ผู้ต้องสงสัย 11 ราย ถูกควบคุมตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถามที่หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 41 และ 43 และศูนย์ซักถามค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง (สงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยข้อมูลว่า วานนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นปอเนาะป่าพ้อ โรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา ของนายสะมะแอ ฮารี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อเก็บดีเอ็นเอ นักเรียนทั้งปอเนาะ และเก็บพยานหลักฐานเป็นการขยายผลจากการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย
“ในจำนวน 5 คนที่ถูกควบคุมตัวเช้าวานนี้ มี 3 คนถูกคุมตัวจาก ต.ลำใหม่ โดย 1 ใน 3 คน เป็นอุสตาซ (ครูสอนศาสนา) ของปอเนาะป่าพ้อ จนนำไปสู่การปิดล้อมตรวจค้นปอเนาะ และทำการเก็บดีเอ็นเอ ซึ่งการเก็บดีเอ็นเอของนักเรียนในปอเนาะแห่งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอในจุดเกิดเหตุยิงถล่มป้อม ชรบ. ที่มีดีเอ็นเออีก 3 คน ไม่สามารถระบุตัวได้” เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวระบุ
ปอเนาะป่าพ้อ โรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา เป็นหนึ่งในจุดที่อยู่ใกล้กับจุดที่ผู้ก่อเหตุโปรยตะปูเรือใบ เผายางรถยนต์ ถนนหน้าโรงเรียน ในคืนจุดเกิดเหตุถล่มป้อมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านลำพะยาด้วย โดย กระบวนการเก็บหลักฐานและดีเอ็นเอ เป็นความร่วมมือของ เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา, ศูนย์นิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ทหารหน่วยเฉพาะกิจ โดยระหว่างการดำเนินการนั้นเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนให้ความร่วมมือเต็มที่