อำเภอสะบ้าย้อยสอบสวน อส. สร้างความวุ่นวายในมัสยิด
2019.01.24
ปัตตานี

ในวันพฤหัสบดี เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ได้ชี้แจงถึงกรณีที่มีอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอสะบ้าย้อย ซึ่งมีอาการมึนเมาได้เข้าไปพูดจาด้วยถ้อยคำไม่สุภาพกับผู้ที่กำลังปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิดดารุลนาอีม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และจะดำเนินการลงโทษอาสาสมัครรายดังกล่าว หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง
ในเรื่องนี้ พันตำรวจเอกกองทัพ เสนาทิพย์ รองผู้กำกับ สถานีตำรวจภูธรสะบ้าย้อย กล่าวในการแถลงข่าวที่หน่วยเฉพาะกิจสงขลา ในอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ว่า จากการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่านายหมู่เอกสมควร บุญธรรมโม ได้เข้าก่อความวุ่นวายในมัสยิดดารุลนาอีมจริง ซึ่งมีความผิดทางอาญา
“กรณีนายหมู่เอกสมควร บุญธรรมโม ในส่วนของข้อเท็จจริงที่ได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น ร่วมกับทางสงขลา ฝ่ายปกครองอำเภอสะบ้าย้อย ทางข้อเท็จจริงที่ได้เข้าข่ายเป็นความผิด ฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายในที่ประชุมของศาสนิกชนเวลาประชุมกัน หรือเวลากระทำพิธีกรรมทางศาสนาที่ชอบโดยกฎหมายเป็นความผิดทางอาญา คุณธรรมของกฎหมายข้อนี้ คุ้มครองศาสนาทุกศาสนา คุ้มครองศาสนสถานทุกศาสนา คุ้มครองพิธีกรรมทุกศาสนา ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปทำให้เกิดความวุ่นวายในการประกอบพิธีกรรมใดทางศาสนาใดๆ ย่อมต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พันตำรวจเอกกองทัพ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
ด้านนายเจริญศักดิ์ สงสุวรรณ ปลัดอำเภอสะบ้าย้อย กล่าวว่า ตนในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายหมู่เอกสมควร บุญธรรมโม ทราบว่า นายหมู่เอกสมควร มีประวัติการทำงานมา 10 ปี มีนิสัยเงียบขรึม ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี โดยไม่เคยกระทำผิดทางวินัยมาก่อน ส่วนในวันดังกล่าวนั้น นายหมู่เอกสมควรได้ขออนุญาตหัวหน้าชุดออกไปทำธุระ
“อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอสะบ้าย้อย จะรวบรวมข้อเท็จจริงจากตำรวจและตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัย ซึ่งจะเร่งดำเนินการหาข้อเท็จจริง และดำเนินการลงโทษตามการกระทำต่อไป” นายเจริญศักดิ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ นายดาโอ๊ะ โอ๊ะ ผู้นำศาสนาในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
“เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างที่มีสมาชิกอาสารักษาดินแดนคนดังกล่าวเข้ามาแบบบุคคลแปลกหน้า อยู่ในอาการมึนเมา พูดจาใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติสถานที่ ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม ส่งผลให้พี่น้องประชาชนในบริเวณดังกล่าวเกิดความหวาดระแวง ว่าจะมีการก่อกวนสร้างสถานการณ์ในพื้นที่” นายดาโอ๊ะ กล่าว
นายดาโอ๊ะ กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยและทางเจ้าหน้าที่เข้ามาทำความเข้าใจชี้แจงกับพี่น้องประชาชน ทางผู้นำศาสนาและประชาชน ทุกคนพร้อมให้อภัย เพราะไม่อยากให้เกิดความแตกแยก เพราะทั้งพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันมาช้านาน แม้จะแตกต่างในเรื่องของการปฏิบัติศาสนกิจ
“ขณะนี้ชาวบ้านและผู้นำศาสนามีความพอใจที่ทางเจ้าหน้าที่ออกมารับผิดชอบ และดำเนินการต่อสมาชิกอาสารักษาดินแดนคนดังกล่าว” นายดาโอ๊ะ กล่าว
เหตุการณ์กระทบกระทั่งในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ยิงเจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาส วัดรัตนานุภาพ ในบ้านโคกโก อำเภอสุไหงปาดี นราธิวาส มรณภาพสองรูป และยังมีพระสงฆ์ลูกวัดได้รับบาดเจ็บอีกสองรูป เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว
เมื่อวันจันทร์นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์เตือนให้ประชาชนระมัดระวังว่า อาจจะตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มที่ต้องการขยายความขัดแย้ง
“กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรง ที่อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 ทำลายขวัญกำลังใจ ความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในหลายพื้นที่ ในหลายประเทศ” แถลงการณ์ส่วนหนึ่งระบุ