ชาวบ้านถูกยิงตายสอง-เจ็บหนึ่งราย ก่อนพูดคุยพื้นที่ปลอดภัยวันอังคาร
2017.02.27
ปัตตานี

มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตสองราย-บาดเจ็บหนึ่งราย รวมทั้งความพยายามวางระเบิดคาร์บอมบ์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าวว่า เป็นปกติที่ฝ่ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการพูดคุยสันติสุข จะก่อเหตุรุนแรงเพื่อป่วนฝ่ายรัฐบาล
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พลเอกอักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข และฝ่ายมาราปาตานี กล่าวยืนยันว่า ในสัปดาห์นี้ คณะพูดคุยฯ และมาราปาตานี จะพูดคุยในระดับเทคนิคถึงรายละเอียดการจัดตั้ง “พื้นที่ปลอดภัยนำร่อง” ในอำเภอใดอำเภอหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังมีการหารือเต็มคณะอีกด้วย โดยจะพูดคุยกันในประเทศมาเลเซีย
เหตุผู้ถูกยิงรายแรก เกิดขึ้นในตอนเย็นของวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต คือ นายอานนท์ ไชยมณี อายุ 35 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี ถูกยิงบริเวณหน้าอกเหนือราวนมซ้าย จำนวน 2 นัด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุบริเวณบ้านด่าน ม.4 ต.แป้น อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนและสืบสวนเพื่อสรุปสาเหตุ
ต่อมาในเวลาทุ่มครึ่ง ร.ต.อ.สราวุธ นุชรังค์ รอง สารวัตรสอบสวน สภ.หนองจิก รับแจ้งคนร้ายลอบยิงชาวบ้านริมถนนภายในหมู่บ้าน ม.7 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลหนองจิก จังหวัดปัตตานี ทราบชื่อคือ นายอานัน สุหลง อายุ 28 ปี
จากการสอบสวนทราบว่า เหตุเกิดขณะที่นายอานันกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีคนร้ายยิงจนได้รับบาดเจ็บ แต่นายอานันได้พยายามขับขี่รถ จยย. มาที่บ้านพัก แล้วขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล ส่วนประเด็นและสาเหตุนั้น ร.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างสอบสวนและสืบสวน
อีกราย เกิดขึ้นในเวลา 21.45 น. ร.ต.อ.กอบเกียรติ มณีโชติ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง รับแจ้งคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายฮารน ซือแม อายุ 53 ปี เสียชีวิต ในขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านน้ำชา บนบริเวณถนนสาย 4065 บ้านยานิง ม.2 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่ง ร.ต.อ.กอบเกียรติ กำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนและสืบสวนสาเหตุ
นอกจากนั้น ในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ได้มีคนร้าย 7 คน แต่งกายชุดดำพร้อมอาวุธปืนครบมือบุกรุกอาคารที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลโฆษิต ม.4 ต.โฆษิต ตากใบ จังหวัดนราธิวาส ได้จับนายสะกะรียา อาแว นักการภารโรง นายมูฮัมหมัดฮัสฮา กาแจ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และนายอับดุลเลาะห์ เจ๊ะฮะ เจ้าหน้าที่ประจำรถกู้ชีพ อบต.โฆษิต มัดด้วยเชือก ก่อนวางเพลิงอาคารห้องโถง ห้องเก็บของชั้น 2 และขโมยรถกระบะไป เพื่อดัดแปลงเป็นคาร์บอมบ์
"ช่วงเวลา 21.30 น.ของคืนวันที่ 25 ก.พ.ขับรถจักรยานยนต์เพื่อเข้าเวรที่ อบต. ก็พบคน 7 คน ดักที่รั้วประตูทางเข้า พร้อมอาวุธปืนยาว ตอนแรกคิดว่าทหาร พวกเขาโบกมือเรียกก็จอดรถ พวกเขายกปืนขึ้นจ่อมาที่หน้าพร้อมบอกให้อยู่ในความสงบ... หลังจากนั้น เขาก็เผาอาคารและรถกู้ชีพ และขโมยรถยนต์กระบะของสำนักงานไปด้วย" นายสะกะรียา อาแว นักการภารโรง กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะที่คนร้ายขโมยจอดทิ้งที่ริมถนนข้างฐานปฏิบัติการย่อยของกองร้อยทหารพรานที่ 4806 บ้านโคกสยา ม. 5 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อตรวจสอบพบว่าถูกดัดแปลงเป็นระเบิดติดตั้งแก๊สหุงต้มน้ำหนักกว่า 120 กิโลกรัม ต่อวงจรไฟฟ้าไว้พร้อม สำหรับใช้จุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร เจ้าหน้าที่จึงยิงทำลาย
ผู้ไม่เห็นด้วยสร้างสถานการณ์
ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ และคณะทำงานพูดคุยสันติสุขระดับพื้นที่ กล่าวแก่ว่า ฝ่ายผู้ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่ายังมีความรุนแรงอยู่ ทั้งนี้เพราะว่ารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างได้ผล
"ทุกวันนี้ ภาครัฐพยายามตอบโจทก์ให้กับประชาชน พร้อมสร้างบรรยากาศเอื้อต่อการพูดคุย ถือเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายตรงข้ามจะมีความพยายามทำให้ดูว่ายังมีเหตุการณ์อีก" ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ทางด้านเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในพื้นที่รายหนึ่งกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นช่วงนี้ เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายความมั่นคง และยิ่งใกล้ถึงวันพูดคุยสันติสุข ก็จะเห็นว่ามีเหตุรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“แต่ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสถานการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในปัจจุบัน อยู่ในห้วงขาลง จึงต้องใช้องค์กรแนวร่วมช่วยโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย ลดเงื่อนไขทั้งปวงได้ จนองค์กรแนวร่วมหมดมุกในการโจมตี ขณะที่แกนนำอาร์เคเคเข้ามอบตัว หรือถูกจับกุมจำนวนมาก จนขวัญกำลังใจตกต่ำ และการพูดคุยเพื่อสันติสุขมีความคืบหน้าไปในทางที่ดี นี่สิคือเรื่องจริง" เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ในวันนี้ นายอาบู ฮาฟิซ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ในการพูดคุยในวันอังคารนี้ อาจจะมีการรายงานผลต่อผู้สื่อข่าว แต่ขึ้นอยู่กับผลการเจรจา
“การพูดคุยจะเป็นการคุยลับ เหมือนคราวก่อน ผู้อำนวยความสะดวกอาจจะมีการรายงานผลการประชุมต่อผู้สื่อข่าว แต่ต้องขึ้นอยู่กับผลการเจรจา”