เหยื่อค้าแรงงานหญิง 4 รายสุดท้าย กลับถึงบ้านเกิดในจังหวัดชายแดนใต้

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2017.04.19
สงขลา
TH-deepsouth-women-1000 นางรอฮานี เปาะโซ๊ะ (ผ้าคลุมศีรษะสีเขียว) หนึ่งในหญิง 4 รายสุดท้าย จากทั้งหมด 21 ราย ที่ถูกนายหน้าหลอกไปขายข้าวเกรียบในประเทศมาเลเซีย เดินทางกลับถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ วันที่ 19 เมษายน 2560
เบนาร์นิวส์

เหยื่อค้ามนุษย์และค้าแรงงานเป็นผู้หญิงไทย จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชุดสุดท้าย 4 คน จากจำนวนทั้งหมด 21 คน ที่ถูกนายหน้าชักจูงให้ไปขายข้าวเกรียบในประเทศมาเลเซีย และภายหลังถูกกันตัวเป็นพยาน ในคดีฟ้องร้องสองนักค้ามนุษย์ชาวไทยนานเกือบเจ็ดเดือน ได้เดินทางถึงมาตุภูมิแล้ว ในวันพุธ (19 เมษายน 2560) นี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 หญิงไทยสูงอายุ ที่ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาในจังหวัดยะลา และปัตตานี ได้ถูกนายหน้านำตัวเดินทางผ่านด่านสะเดา มุ่งหน้าไปยังในรัฐยะโฮร์ มาเลเซีย ซึ่งในภายหลังญาติๆ ทราบว่าทั้งหมดถูกจับกุม แต่ทางการมาเลเซียไม่ได้เอาผิดต่อการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และได้กันตัวไว้เป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับนายหน้าสองสามีภรรยา ชาวจังหวัดสงขลา ที่ถูกจับในมาเลเซีย

ในระหว่างการดำเนินคดีต่อนายหน้า ทั้งหมดถูกกักตัวไว้ในบ้านพักสตรีในเมืองยะโฮร์บารู รัฐยะโฮร์ รัฐทางตอนใต้ของมาเลเซีย และได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย

ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับตัวทั้งหมดบินกลับมาลงที่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังจากที่ได้นำตัวเหยื่อค้ามนุษย์กลับมาก่อนหน้านี้แล้วสองครั้ง หลังจากให้การในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว ในขณะนี้ ยังไม่ทราบความคืบหน้าของคดีสองสามีภรรยานักค้ามนุษย์ในมาเลเซีย

นายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศมาเลเซีย กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ทางการมาเลเซียได้ดำเนินคดีกับนายหน้าที่ชักจูงหญิงไทยกลุ่มนี้ไปทำงานผิดกฎหมาย ในความผิดตามกฎหมายการค้ามนุษย์ของมาเลเซีย เพราะถือว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ด้วยการเอารัดเอาเปรียบผู้เสียหาย และมีโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี ส่วนหญิงไทยทั้ง 21 คน ถูกกันตัวไว้เป็นพยานในชั้นศาล โดยต้องอยู่ในการควบคุมของทางการมาเลเซียเป็นระยะเวลานานกว่าจะได้กลับบ้าน

"ในกรณี 4 คนสุดท้ายที่ได้รับการส่งตัวกลับในครั้งนี้ ต้องใช้เวลาถึงเกือบ 7 เดือน แม้ว่าระหว่างที่ถูกควบคุมตัวจะได้อาศัยอยู่ในบ้านพักฉุกเฉินของทางการมาเลเซีย ไม่ใช่เรือนจำหรือสถานกักกัน แต่สภาพความเป็นอยู่ก็ไม่ได้สะดวกสบาย และหลายคนก็มีปัญหาด้านสุขภาพ" นายดำรง กล่าวผ่านทางการส่งข้อความ

“ขอแนะนำประชาชนทั่วไป อย่าหลงเชื่อนายหน้า หากถูกชักชวนให้เข้ามาทำงานในมาเลเซีย จะได้ไม่ต้องมาตกระกำลำบาก หรือต้องจากบ้านเป็นเวลานานเช่นนี้อีก” นายดำรง กล่าว

นางสีปะ หะยีดามี หนึ่งในหญิงไทย 4 คน ที่เดินทางกลับวันนี้ กล่าวว่า ตนเองได้รับบทเรียนแล้วว่า ควรทำงานในประเทศดีกว่า

"ไม่เอาอีกแล้วขายแรงงานในมาเลเซีย ให้ไปทำนา กรีดยางหรือล้างจานในร้านต้มยำก็ไม่ไปแล้ว ขออดอยู่ที่บ้านดีกว่า ครั้งนี้ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่เราไปดูแล คดีคงยังไม่เสร็จเร็ว ขอขอบคุณทุกคนที่มาช่วยเหลือพวกเรา" นางสีปะ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

แต่แม้ว่าจะมีการรายงานข่าวการถูกหลอกลวงไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย นางเมาะซูยา สาแลมัง ชาวบ้านป่าบอน อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีญาติของตนถูกจับกุมในกัวลาลัมเปอร์อีกหนึ่งคน

“วันนี้ ได้มารับญาติที่ถูกหลอก แล้วถูกจับที่มาเลเซีย และได้ร้องเรียนกับเลขาธิการ ศอ.บต. เรื่องที่ญาติอีกคนถูกหลอกไปขายข้าวเกรียบ และเพิ่งถูกจับที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยนายหน้าโทรมาบอกว่าต้องใช้เงินสามหมื่น จึงจะสามารถช่วยเหลือให้ออกมาได้ ฉันเองมีประสบการณ์จากเรื่อง 21 คน ที่ถูกจับ ก็เลยมาร้องเรียนเพื่อขอความช่วยเหลือ" นางเมาะซูยา กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง