กองทัพภาคสี่-อดีตแกนนำพูโล เร่งพัฒนาสร้างที่พักรองรับผู้เห็นต่างกลับใจ
2016.02.19

พลโทมณี จันทร์ทิพย์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวในวันศุกร์ (19 ก.พ. 2559) นี้ว่า ทางกองทัพภาคที่สี่ กำลังดำเนินการสร้างที่พักและที่ประกอบอาชีพ ในบริเวณด้านหลังของนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล จังหวัดปัตตานี เพื่อรองรับ “ผู้เห็นต่างจากรัฐ” ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ลงชื่อเข้าร่วมโครงการนำคนกลับบ้านของรัฐบาล
“เรากำลังเตรียมพื้นที่ด้านหลังสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล ปะนาเระ สำหรับเป็นพื้นที่รองรับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน คนที่ไม่มีอาชีพ ไม่กล้าจะอยู่บ้าน ก็สามารถมาอยู่ที่นี่ได้ ที่นี่จะเป็นการสร้างอาชีพอย่างครบวงจร เชื่อว่าพวกเขาจะมีความสุข ได้อยู่ตรงนั้น” พลโทมณี กล่าวกับเบนาร์นิวส์
พลโทมณี กล่าวว่า ในขณะนี้ มีผู้เห็นต่างจากรัฐในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 3,000 คน ได้ลงชื่อในโครงการพาคนกลับบ้านแล้ว ซึ่งบางส่วนอาจจะกลับไปอยู่ที่ภูมิลำเนาเดิม และบางส่วนสามารถมาอยู่ ณ ที่พักพิงบนพื้นที่ 40 ไร่ แห่งนี้ได้
“ตอนนี้ มีผู้คิดเห็นต่างได้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับมาทั้งหมด 3,000 กว่าคน คิดว่าจะสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากผู้ที่จะประสงค์ใช้ชีวิตอยู่บ้าน เราก็จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ระดับพื้นที่คอยให้ความช่วยเหลือ” พลโทมณี กล่าว
“ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เริ่มโครงการพาคนกลับมา ยังไม่เคยมีใครถูกลอบทำร้าย และทุกคนที่เข้าร่วมโครงการต่างสมัครใจเข้าร่วม ไม่ได้มีการบีบบังคับ” พลโทมณี กล่าว
สำหรับจำนวนที่พักนั้น พลโทมณีกล่าวว่า ยังจะต้องสำรวจดูก่อนว่า ในจำนวนผู้กลับใจสามพันกว่าคน จะมีผู้ที่ต้องการพักพิงที่นี่กี่คน พร้อมๆ กับต้องคำนวณงบประมาณให้สอดคล้องกัน
นอกจากนั้น พลโทมณีกล่าวว่า ยังมีผู้เห็นต่างจากรัฐจำนวนหนึ่งหลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
การพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นไปอย่างล่าช้า
นายมะแอ สะอะ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโล ผู้ประสานงานด้านเศรษฐกิจและการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับบทบาทนี้จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแนภาคใต้หลังจากการพักโทษเมื่อแปดเดือนก่อน และยังช่วยดูแลการจัดตั้งที่พักพิงสำหรับผู้เห็นต่างที่กลับใจด้วย กล่าวว่า เดิมนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลปะนาเระ จังหวัดปัตตานี มีพื้นที่ทั้งหมด 170 ไร่ ถูกเผาโดยฝ่ายกลุ่มก่อความไม่สงบ จนการพัฒนาในอดีตต้องชะงักไป
ในตอนนี้ ได้แบ่งพื้นที่สำหรับนำคนที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน 40 ไร่ สถานที่แห่งนี้ กำลังปรับพื้นที่สำหรับสร้างที่พักอาศัย สร้างโรงเลี้ยงสัตว์ และ แบ่งพื้นที่ทำเกษตรพอเพียงด้วย
นายมะแอ กล่าวว่า ตอนนี้ ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม มีนักธุรกิจจากหลายประเทศ ส่งสัญญาณมาแล้วว่ายินดีมาร่วมทำธุรกิจที่ศูนย์นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลของเรา นักธุรกิจหลายประเทศสนใจจัดซื้อเนื้อกระป๋อง ไก่กระป๋อง และ พืชผักเศรษฐกิจจากที่นี่ เพื่อนำเข้าไปตลาดกลางของเขาโดยเฉพาะมาเลเซีย แต่ทางรัฐยังไม่ได้ช่วยพัฒนาส่วนบริหารของนิคมอุตสาหกรรมให้เรียบร้อย
ในขณะที่ นิคมฯ มีอาคารบริหาร ห้องประชุม ห้องเอนกประสงค์ ห้องละหมาด แต่ยังไม่ได้มีการอำนวยความสะดวกในการบริหารนิคมหรือมีแผนการพัฒนาโครงการแต่อย่างใด มีเพียงชาวบ้านที่แพ็คไก่ขายเท่านั้น
“ตอนนี้ รอท่าทีของรัฐบาล ที่ยังไม่มีความชัดเจน ตลอด 8 เดือนที่ออกมาจากเรือนจำได้ทุ่มเทกับการพัฒนาพื้นที่ โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมฮาลาลปะนาเระ พอเขาตอบรับจะมาร่วมลงทุน ฝ่ายเรากลับไม่มีความชัดเจน ทำให้ทุกอย่างล่าช้า” นายมะแอกล่าว
นายมะแอ กล่าวว่า หลังจากออกจากเรือนจำมา ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2558 ตัวเขาเองคิดว่า ควรเห็นภาพของงานที่ทำแล้ว แต่ก็เข้าใจว่าทำงานหลายฝ่ายต้องเจออุปสรรคบ้าง แต่โชคดีที่ตนเองมีร้านต้มยำในประเทศมาเลเซีย และครอบครัวคอยให้การสนับสนุนค่าใช้จ่าย ในการผลักดันโครงการเท่าที่ทำได้ เพราะอยากเห็นที่นี่เดินไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม นายมะแอ บอกว่า ยังมีนิมิตหมายที่ดีที่จะมีมูลนิธิปิดทองหลังพระ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาช่วยผลักดันโครงการ
“ได้ไปจับมือมูลนิธิปิดทองหลังพระ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีหม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล เป็นแกนหลัก เพราะจะขอทำทุกอย่างให้เกิดการพัฒนา ใครชวนไปพูด และทำอะไรเรื่องอนาคต เรื่องพัฒนาพร้อมไปตลอด แต่ไม่ขอพูดถึงอดีตที่ผ่านมา” นายมะแอกล่าว