นายกฯ ไม่ยกเลิก ม.44 จนกว่าจะพบธัมมชโย

ในวันอังคาร (21 กุมภาพันธ์ 2560) นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับสื่อมวลชนว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะไม่ยกเลิกการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2557 (ชั่วคราว) มาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายจนกว่าจะหาตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและรับของโจรพบ หลังจากที่ยังไม่พบตัวพระธัมมชโย หลังการค้นหา 6 วัน ผ่านไป

“ได้ที่ไหนเป็นพระปิดหน้าปิดตา เหมาะสมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ส่วนที่ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 ยืนยันว่าผมไม่ยกเลิก เพราะยังไม่จบเรื่องแล้วจะยกเลิกได้อย่างไร กฎหมายเลิกได้ที่ไหน ในเมื่อยังนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต้องควบคุมไปตลอดจนกว่าพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสจะมอบตัวหรือดำเนินคดีได้ พร้อมบริหารจัดการใหม่ และอย่ามาบอกว่าผมจะไปยึดพระทองคำ เพราะไม่รู้อะไรอยู่ไหน มีหรือเปล่าก็ไม่รู้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“เมื่อตำรวจบอกว่า 7 วัน คือ หมายความว่าต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป วันนี้ มีการทำงานร่วมกันทั้งสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) มหาเถรสมาคม (มส.) ก็ลงมาหารือร่วมกัน เพื่อทำให้วัดพระธรรมกายเป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าไป ไม่แปลกประหลาดหรือแตกต่างจากที่อื่นส่วนคดีความเป็นเรื่องของบุคคล ใครทำผิดก็ว่ากันไป ขอร้องอย่าพูดเหมือนเดิมพันใครจะชนะ เพราะบ้านเมืองจะแพ้ตลอด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม

ในวันอังคารนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังได้ปิดการเข้าออกวัดพระธรรมกายเป็นวันที่หก โดยมีพระสงฆ์ประมาณร้อยรูป และประชาชนประมาณประมาณห้าร้อยราย นั่งสวดมนต์ปิดทางเข้าวัดประตูหก

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงสรุปการปฎิบัติการค้นหาตัวพระธัมมชโยในวันนี้ว่า ยังไม่พบตัว แต่ได้เจรจาเพื่อทำความเข้าใจกับตัวแทนวัด และลูกศิษย์วัดถึงเหตุผลที่ต้องใช้ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ ควบคุมวัดพระธรรมกาย โดยเชื่อว่าภายในเวลา 10.00 น. ของวันพุธนี้ จะเจรจาเสร็จสิ้น

“ความคืบหน้าในการปฎิบัติการของชุดปฎิบัติการตำรวจ ทหาร พลเรือน ได้มีการพูดคุยต่อรองในหลายจุด เราเข้าไปเพื่อทำการตรวจค้น หากประชาชนที่เห็นว่ามีการละเมิดสิทธิ สามารถทำหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้” พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ ระบุ

ด้านนายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งเอเชีย เปิดเผยว่า สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทยไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฯ ควบคุมพื้นที่วัด โดยเรียกร้องให้รัฐบาลใช้กระบวนการตามกฎหมายปกติจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

“ในเบื้องต้นเราเห็นด้วยกับการตรวจค้นวัด แต่เมื่อค้นตัวพระธัมชโยไม่เจอ ก็ไม่ควรใช้ ม.44 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปปฏิบัติธรรม” นายกรณ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

โดยตัวแทนสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งเอเชียยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายวัดพระธรรมกาย ไม่ทราบว่าปัจจุบัน พระธัมมชโยอาศัยอยู่ที่ใด และได้ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลแต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษที่เป็นที่ยอมรับทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายรัฐบาลเพื่อสอบสวนคดีนี้ เพื่อความเป็นธรรมกับฝ่ายวัดพระธรรมกาย

ขณะเดียวกัน ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้วัดพระธรรมกาย และพ่อค้าและแม่ค้าที่มีร้านใกล้กำแพงวัดต่างเรียกร้องต่อสื่อมวลชน และดีเอสไอ ให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้พวกเขาสามารถเข้าออกได้อย่างสะดวก เนื่องจากการปิดล้อมของเจ้าหน้าที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขายสินค้า หรือเดินทางเข้าบ้านได้ตามปกติ

คดีฟอกเงินและรับของโจรของพระธัมมชโย

ในเดือนมีนาคม นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 32 ปี แต่ศาลลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 16 ปี ฐานยักยอกทรัพย์และจัดการทรัพย์ผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นเงินกว่า 22 ล้าน ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคดีนี้แล้ว พบว่ามีเงินบางส่วนเชื่อมโยงกับวัดพระธรรมกาย

ดีเอสไอ ตรวจสอบว่าพระธัมมชโย รวมถึงเครือข่ายวัดพระธรรมกาย รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น รวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยไม่มีมูลหนี้กับสหกรณ์ฯ และเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2559 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษส่งสำนวนคดีฟอกเงินและรับของโจรของพระธัมมชโยให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ โดยพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องพระธัมมชโยในความคิดฐานฟอกเงินและรับของโจร

16 ก.พ. 2560 นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ก่อนเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจ และทหาร นำกำลังกว่า 4,000 นายล้อม และบุกค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมตัวพระธัมมชโย โดยดำเนินปฎิบัติการต่อเนื่องมา 6 วัน