ไทยจับยาเสพติดมูลค่า 859 ล้านบาท ก่อนหลุดเข้ามาเลเซีย

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติ ขณะกำลังลำเลียงยาเสพติดหลายชนิด มูลค่ารวมกันมากกว่า 859 ล้านบาท ผ่านชายแดนทางภาคใต้ของประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีจุดหมายปลายทางที่ทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากยาเสพติดที่ผลิตโดยกลุ่มว้า ทางตอนเหนือของพม่าเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

สำหรับของกลางที่ยึดได้เป็นยาไอซ์ 447 กิโลกรัม เฮโรอีน 304 กิโลกรัม ยาบ้า 526,450 เม็ด ยาอี 5,731 เม็ด รวมมูลค่ายาเสพติดทั้งหมด 859,155,500 บาท จากการจับกุมทั้งหมด 7 คดี ได้ผู้ต้องหา 13 คน ในช่วงระหว่างวันที่ 8-12 มีนาคม 2561 ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ระบุด้วยว่า หากยาเสพติดล็อตนี้หลุดออกจากประเทศไทย ไปถึงปลายทางผู้รับจะมีมูลค่ามากกว่าสองหมื่นล้านบาท

“ของที่จับได้นี้จะถูกส่งไปประเทศมาเลเซียทั้งหมด กลุ่มก่อการฯ ทางชายแดนใต้ (ของประเทศไทย) เป็นแค่ผู้ดูแล เป็นเจ้าของพื้นที่ที่ช่วยให้ผ่านไป แล้วนำไปพักไว้ที่มาเลเซีย เพราะมีเกาะเยอะ เพื่อสามารถนำออกไปทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้” พล.ต.ท.สมหมาย ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์

พล.ต.ท.สมหมาย ยังระบุถึงสาเหตุที่จำนวนยาเสพติดที่ถูกจับได้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นว่า เนื่องจากยาเสพติดที่ผลิตจากกลุ่มว้าของพม่า เป็นยาเสพติดบริสุทธิ์มีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยสามารถจับกุมเครือข่ายฯ และ ขบวนการฯ และยึดของกลางได้จำนวนมาก ผู้สั่งซื้อปลายทางจึงระดมซื้อในขณะที่ผู้ผลิตก็เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทดแทนสินค้าที่หายไปจากตลาด

“ยิ่งจับยิ่งออกมา เพราะมันดูตลาดล่างว่าถูกสกัดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีกองทัพมดลำเลียงออกมาให้มากขึ้น... และตั้งแต่อเมริกาประกาศว่า คิงส์โรมันเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สังเกตได้ว่าเริ่มมีการสต็อกเฮโรอีน แสดงว่าเฮโรอีนเป็นที่ต้องการมากและดีมานด์ขนาดนี้ แสดงว่าปลายทางต้องการเยอะ” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวพาดพิงถึงคาสิโนคิงส์โรมัน ในเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ในประเทศ สปป. ลาว ที่ถูกต้องสงสัยว่ามีการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด เมื่อเดือนมกราคมนี้

“ในส่วนของสำนักงาน ปปส. ปี 2560 มีการจับกุมคดียาเสพติด 19 คดี เป็นเฮโรอีน ประมาณ 600 กว่ากิโลกรัม และตั้งแต่ต้นปี 61 มาจนถึงปัจจุบัน ปริมาณเฮโรอีนที่ยึดได้ประมาณ 320 กิโลกรัม ซึ่งมาจากการยึดครั้งนี้ 304 กิโลกรัม เป็นครึ่งหนึ่งของที่ยึดได้ปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งพอเฮโรอีนออกจากประเทศไทยแล้ว ก็จะส่งต่อไปประเทศที่สาม” นายอุดมชัย โลหะสุต นักสืบสวนชำนาญการพิเศษ ปปส. กล่าวกับผู้สื่อข่าว

การรายงานการสืบสวนจับกุมพบว่า ผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนจังหวัดปัตตานี จำนวน 3 คน ได้ขับรถบรรทุกลำเลียงของกลางเป็นเฮโรอีนจำนวน 304 กิโลกรัม และ ยาบ้าประมาณ 550 เม็ด พร้อมด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ตามเส้นทางถนนสาย ปัตตานี ผ่านแยก อ.ปะนาเระ มุ่งหน้าไป จ.นราธิวาส แต่ถูกสกัดจับที่ด่านตรวจบาเจาะ ก่อนที่จะไปถึงท่าเรือตากใบ เพื่อข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย โดยคนขับรับสารภาพว่าทำมาแล้ว 7-8 ครั้ง

ทั้งนี้ แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ บก.ปส. ระบุว่า การจับกุมขบวนการลักลอบขนเฮโรอีนครั้งนี้ นับว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่สามารถสร้างความเสียหายทางธุรกิจยาเสพติดได้มาก ทำให้นายทุนสุญเสียเงินจำนวนมาก เรียกว่าขาดทุนแน่นอน โดยเชื่อว่า เฮโรอีนล็อตนี้จะถูกส่งไปยังปลายทางที่สหรัฐอเมริกาและจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากราคาหน้าโรงงานอีก 100 เท่า

“ราคาต้นทุนที่โรงงานของเฮโรอีนบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ตราสิงห์เหยียบลูกโลก น้ำหนักประมาณ 7-8 ขีดต่อตัว มีมูลค่า 300,000–500,000 บาท ถ้าผ่านเข้าประเทศมาเลเซียได้จะมีมูลค่าสูงขึ้นที่ตัวละล้านกว่าบาท และหากหลุดไปถึงสหรัฐอเมริกา จะมีมูลค่าเพีมขึ้นอีก 100 เท่า” แหล่งข่าวที่ขอสงวนนามกล่าว

จากข้อมูลจากฝ่ายยุทธศาสตร์ บก.ปส. มีสถิติการจับกุมยาเสพติด ในปีงบประมาณ 2559 สามารถจับกุมได้ 456 คดี ยึดทรัพย์ได้  346.67 ล้านบาท สำหรับในปีงบประมาณ 2560 จับกุมได้ 453 คดี ยึดทรัพย์ได้ 345.65 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 60–12 มี.ค. 61) จับกุมได้ 900 คดี ยึดทรัพย์สินได้ 39.50 ล้านบาท ไม่นับรวมมูลค่ายาเสพติดของกลางที่ บช.ปส. ยึดได้ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.60–12 มี.ค.61 อีก 3,270,298,900 ล้านบาท

โดยข้อมูลจาก บก.ปส. ระบุราคาเสพติดชนิดต่างๆ ไว้ดังนี้ ยาไอซ์ราคากิโลกรัมละ 1 ล้านบาท เฮโรอีนกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท ยาบ้า ราคาเม็ดละ 200 บาท และยาอี ราคาเม็ดละ 500 บาท