ตำรวจแถลงยึดยาบ้ากว่า 3.5 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท

อวิกา องค์รัตนะคณา
2017.07.05
กรุงเทพฯ
TH-drugs-620 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขณะตรวจของกลางคดียาเสพติด ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธ (5 กรกฎาคม 2560) นี้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) แถลงจับกุมคดียาเสพติด 5 คดี มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ในกรุงเทพฯ พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 3,543,800 เม็ด ยาไอซ์ 42 กิโลกรัม กัญชา 525 กิโลกรัม ซึ่งนำไปถึงการจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 16 ราย

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. และเจ้าหน้าที่ บช.ปส. แถลงผลงานการจับกุมยาเสพติดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา 5 คดี ได้แก่ 1. คดีนายพิเชษฐ์ เฮ่อทองเพชร และนายพิจิตร แซ่เฮ่อ พื้นที่ จ.นครสวรรค์  2. คดีเครือข่ายค้ายาเสพติดปากซัน พื้นที่ จ.ขอนแก่น  3. คดีการขยายผลเข้าจับกุม พื้นที่ เขตสายไหม กทม.  4. คดีเครือข่ายชาวลาว พื้นที่เขตบางนา กทม.  และ 5. คดีเครือข่ายยาเสพติด พื้นที่ จ.สงขลา

“เป็นการดำเนินงานระหว่าง บช.ปส. กับหน่วยงานอื่นๆ มีทั้งหมด 5 คดี ที่สำคัญคือการดำเนินการจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 16 ราย ยึดรถยนต์ได้ 6 คัน จักรยานยนต์ 1 คัน มียาเสพติดเป็นยาบ้าทั้งหมด 3 ล้านกว่าเม็ด กัญชา 500 กว่ากิโลกรัม ยาไอซ์อีกประมาณ 42 กิโลกรัม” พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ไม่ประสงค์ออกนามท่านหนึ่งกล่าวว่า ราคาซื้อยายาบ้าในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณเม็ดละ 200 บาท กัญชากิโลกรัมละ 10,000-15,000 บาท  ส่วนยาไอซ์กิโลกรัมละ 2-5 ล้านบาท และราคาจะสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัวในตลาดต่างประเทศ

คดีแรก เป็นการจับกุมในวันที่ 29 มิถุนายน 2560 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายพิเชษฐ์ เฮ่อทองเพชร อายุ 32 ปี และนายพิจิตร แซ่เฮ่อ อายุ 21 ปี ในพื้นที่ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ พร้อมของกลางยาบ้า 635 มัด 1,270,000 เม็ด ยาไอซ์ 2 กิโลกรัม รถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้า เลขทะเบียน บษ 5303 พิษณุโลก และโทรศัพท์จำนวน 4 เครื่อง

โดย พล.ต.ต ทนัย อภิชาตเสนีย์ ผู้บังคับการ บก.สกส.บช.ปส. เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดการจับกุมว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ เป็นชาวไทยเชื้อสายม้งที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดด้วยระยนต์จำนวน 3 คัน โดยในขณะนี้สามารถจับกุมได้แล้ว 1 คัน ส่วนอีก 2 คันที่เหลือ ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งขยายผลการจับกุมต่อไป

“จริงๆ แล้วคดีนี้มีรถอยู่ 3 คันในการลำเลียงยาเสพติด ทางตำรวจภูธรภาค 5 มั่นใจว่า ทีมลำเลียงยาเสพติดเป็นพี่น้องชาวไทยเชื้อสายม้ง จากอำเภอพบพระ 2 คัน ต่อมาทีมสืบสวนภาค 6 เจอกลุ่มนี้มาพักอยู่ที่ริมแม่น้ำปิง จังหวัดตาก จากนั้น กลางคืนเดินทางกลับเข้าพื้นที่ลำปางใหม่ ไปนำยาบ้าที่ซ่อนในป่าขึ้นรถ และก็ลำเลียงลงมา สามารถจับกุมได้ 1 คัน ในการลำเลียงยาเสพติด อีก 2 คัน ก็หลบหนีไปได้ ซึ่งจะออกหมายจับต่อไป” พล.ต.ต.ทนัยกล่าว

คดีที่สอง เป็นการเข้าจับกุมเครือข่ายปากซัน นำโดย นายคมสันต์ พลเสนา อายุ 28 ปี นายธนภัทร สายบรรดิษฐุ์ อายุ 41 ปี และสมาชิกที่เหลือรวม 8 คน พร้อมด้วยของกลางเป็นกัญชาจำนวน 525 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน และโทรศัพท์มือถือจำนวน 12 เครื่อง โดยเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากจังหวัดหนองคาย ไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ สุดท้ายเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ที่ จ.ขอนแก่น ในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

คดีที่สาม เกิดขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวนายวันรบ ณรงค์ศักดิ์ อายุ 27 ปี เจ้าของซุ้มไก่ชน ในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ โดยสามารถยึดของกลางจาก ค่ายมวย ส.แจ้งอรุณ เป็นยาบ้า 1,800,000 เม็ด และจากนั้นได้เข้าตรวจค้นซุ้มไก่ชน เขตสายไหม ได้ของกลางเพิ่มอีกกว่า 320,000 เม็ด และยาไอซ์ 39 กิโลกรัม รวมของกลางจากการตรวจยึดทั้ง 2 แห่ง เป็นยาบ้าจำนวน 2 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 39 กิโลกรัม เบื้องต้น นายวันรบปฎิเสธความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทั้งหมด ส่วนผู้ต้องหาอีกสองรายอยู่ระหว่างหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามจับกุมต่อไป

คดีที่สี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าล่อซื้อจนสามารถจับกุม น.ส.จำปา หรือจ๋า สุดแล้ว อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดชาวลาว พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ 1 กิโลกรัม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางนา ขณะกำลังจำหน่ายยาเสพติดให้กับลูกค้า

และคดีสุดท้าย เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ได้ที่ด่านตรวจพาหนะ จ.ชุมพร พร้อมด้วยยาบ้า 80,800 เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดได้รับยาบ้าจากพื้นที่เขตลาดพร้าว กทม. เและกำลังเดินทางเพื่อนำยาบ้าไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

หลังการแถลงผลการจับกุม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดอย่างเต็มที่ทุกรูปแบบ โดยเน้นป้องกันในระดับพื้นที่ เพื่อลดปริมาณยาบ้าในประเทศไทย

“ที่ผ่านมาเราได้ทำลายไปหลายเครือข่าย โดยเฉพาะเรื่องการตัดเงินทุนสนับสนุน ทำให้การที่จะมาสั่งซื้อ หรือสนับสนุนเรื่องยาเสพติดลดน้อยลง โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถทำให้การส่งยาเสพติด โดยเฉพาะ ยาบ้า น้อยลงไปมาก” พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติม

สรุปข้อมูลสถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดประจำปี 2558-2560

ปี 2558 จับกุมยาบ้า 40,440,432 เม็ด ไอซ์ 584.14 กก. เฮโรอีน 56.07 กก. โคเคน กัญชาแห้ง 4,461.21 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 207.89 ล้านบาท

ปี 2559 จับกุมยาบ้า 28,838,422 เม็ด ไอซ์ 632.72 กก. เฮโรอีน 43.69 กก. โคเคน 39.32 กก. กัญชาแห้ง 917.76 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 346.67 ล้านบาท

ปี 2560 จับกุมยาบ้า 14,001,947 เม็ด ไอซ์ 959.09 กก. เฮโรอีน 69.19 กก. โคเคน 16.30 กก. กัญชาแห้ง 369.54 กก. สามารถยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดได้ จำนวน 98.29 ล้านบาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง