กอ.รมน. ภาค 4 รวบตัวสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดและของเถื่อน 9 ราย

เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศภาค 4 สามารถจับผู้ต้องหาค้ายาเสพติดและผู้ต้องหาขนสินค้าหนีภาษี ได้ 9 ราย พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่ผสม ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปัตตานี ได้ร่วมกันจับกุมพ่อค้ายาเสพติด ที่บ้านเลขที่ 81/1 ม.6 ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ทราบชื่อ คือ นายมะอูเซ็ง หรือเซ็ง เจะอาแว อายุ 29 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 220,120 เม็ด มูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 5 นัด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินสด 330,000 บาท สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 เล่ม รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน ขฉ 5299 สงขลา 1 คัน

“ผู้ต้องหารายนี้ เป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพฤติการณ์ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชนิดยาบ้า จากพื้นที่ภาคเหนือเข้ามาจำหน่ายให้เครือข่ายในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส โดยนายมะอูเซ็ง เจะอาแว มีพฤติกรรมในการติดต่อกับเครือข่ายนักค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตอนบน เพื่อรับยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่ และมีเครือข่ายในพื้นที่เป็นจำนวนมาก” พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รักษาการผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่กำลังสามฝ่าย ในจังหวัดยะลา ได้เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 4 หลัง พื้นที่ตำบลสะเตงนอก อำเภอเมือง จังหวัดยะลา สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยค้าสินค้าหนีภาษีได้จำนวน 8 คน ตรวจพบบุหรี่หนีภาษีจำนวนกว่า 2,000 ลัง มูลค่าประมาณ 78 ล้านบาท พร้อมทั้งได้ยึดรถกระบะที่ใช้ขนสินค้าอีก 5 คัน

ล่าสุดในวันนี้ (27 ธ.ค. 2559) เจ้าหน้าที่กำลังผสม ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จังหวัดยะลา ร่วมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ม.3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง ยะลา สามารถตรวจยึดบุหรี่ต่างประเทศยี่ห้อ RX จำนวน 25 คอตตอน พร้อมรถยนต์ 2 คัน คือ 1. รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ สีฟ้า ทะเบียน กย 3822 สงขลา และ 2. รถยนต์วอลโว่ 70 xc สีน้ำตาล ทะเบียน กษ 8941 สงขลา ซึ่งภายในมีบุหรี่ต่างประเทศหลายยี่ห้อซุกซ่อนอยู่อีก 634 คอตตอน

พันเอกธัญญาเทพ บรรพบุรุษภักดี ผู้อำนวยการข่าวกรองภัยแทรกซ้อน กอ.รมน. 4 กล่าวในวันนี้ว่า สมาชิกขบวนการค้าของเถื่อนที่เจ้าหน้าที่จับกุมได้ 8 รายนั้น ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของนายอาหมัด ดืองะ หรือ มะอ้วน ซึ่งผู้ก่อเหตุรุนแรงด้วย

“ผลการจับบุหรี่ต่างประเทศ จากการซักถามผู้ต้องสงสัยอีกทั้ง 8 คน ทราบว่าเป็นเครือข่ายของนายอาหมัด ดืองะ หรือ มะอ้วน ผู้ก่อเหตุรุนแรง อำเภอเมือง อำเภอกรงปินัง และอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสามฝ่าย ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย เพื่อดำเนินการตามกระบวนขั้นตอนของกฎหมายต่อไป” พ.อ.ธัญญาเทพ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้มีการแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจยานพาหนะ จังหวัดชุมพร ได้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด. และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ผู้ต้องหา 9 คน โดยกลุ่มขบวนการขนยาได้ทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติด 500 ก้อน ของกลาง คือไอซ์ น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม หรือครึ่งตัน มูลค่าสูงถึงประมาณ 1400 ล้านบาท มาจากทางภาคเหนือ โดยใช้รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ซุกซ่อนขนมา เพื่อไปส่งที่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พันเอกจตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการชุดปฏิบัติการพิเศษภัยแทรกซ้อน สำนักข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า ปัญหาจากภัยแทรกซ้อนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ขบวนการค้ายาเสพติด ตัดไม้ทำลายป่า บ่อนการพนัน สินค้าหนีภาษี การก่อตั้งสหกรณ์รับบริจาคจากสมาชิก ขบวนการทำพาสปอร์ตปลอมให้กับผู้ย้ายถิ่นฐาน ซึ่งเชื่อมโยงกับการส่งอุยกูร์จากซินเจียงไปประเทศที่สาม มีส่วนในการสนับสนุนขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด

“มีปริมาณเงินหมุนเวียนถึงเดือนละ 500-1,000 ล้านบาท และเป็นปัจจัยความรุนแรงในพื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของภัยแทรกซ้อนจากความมั่นคง 20 เปอร์เซ็นต์” พันเอกจตุพร กล่าว

"ตั้งแต่ปี 2554 มีหลักฐานและมีการจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน สินค้าหนีภาษี ยาเสพติด บ่อนการพนัน ตัดไม้เถื่อน ค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้องทั้งหมด และพบว่าธุรกิจน้ำมันเถื่อน มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านต่อเดือน สินค้าเถื่อน 300 ล้าน ยาเสพติดอีก 200 ล้าน และอื่นๆ อีก รวมกว่าหนึ่งพันล้านบาท" พันเอกจตุพร กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ นับตั้งแต่การเกิดเหตุการณ์รุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ได้มีผู้เสียชีวิตทั้งชาวมุสลิมและชาวพุทธแล้ว กว่า 6,700 ราย