“ไซซะนะ” ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล
2017.04.18
กรุงเทพมหานคร

ในวันอังคาร (18 เมษายน 2560) นี้ ศาลอาญากรุงเทพเหนือได้รับฟ้องคดีค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาวที่ถูกจับกุมในประเทศไทย เมื่อกลางเดือนมกราคม 2560 โดยนายไซซะนะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความของนายไซซะนะ กล่าวแก่สื่อมวลชนที่ศาลอาญากรุงเทพเหนือว่า ศาลได้ให้นายไซซะนะในฐานะจำเลยรับทราบคำฟ้องคดีหมายเลขดำ อย.1642/2560 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายไซซะนะ แก้วพิมพา อายุ 42 ปี ชาวลาว เป็นจำเลยในความผิดสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 และ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ต่อศาลอาญา
และนายวรกรระบุว่า จำเลยแถลงให้การปฏิเสธคำฟ้องของอัยการทุกข้อกล่าวหา โดยจัดคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอต่อศาล แม้ว่าก่อนหน้านี้จะได้รับสารภาพในชั้นสอบสวนมาแล้วก็ตาม ซึ่งจำเลยให้เหตุผลว่าที่ได้รับสารภาพในชั้นสอบสวน เพราะเข้าใจภาษาไทยได้ไม่ดีพอ
“ไซซะนะ ตอนนี้เป็นจำเลยแล้ว คือมีการฟ้องคดีแล้ว ในวันนี้ เบิกตัวมารับฟังข้อกล่าวหา ผมในฐานะเป็นทนายของไซซะนะ ก็มายื่นคำให้การเพราะได้ปรึกษากับไซซะนะแล้วว่าจะขอให้การปฏิเสธ และประสงค์จะต่อสู้คดีทุกข้อกล่าวหา เพื่อขอความยุติธรรมจากศาล” นายวรกรกล่าว
“ในฐานะทนายความ ยอมรับว่ารู้สึกหนักใจบ้างพอสมควร เพราะคดีมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่ก็จะสู้คดีให้ถึงที่สุด” นายวรกรกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ศาลได้นัดตรวจหลักฐานในคดีวันที่ 19 มิถุนายน นี้ เวลา 09.00 น.
ตำรวจปราบปรามยาเสพติดและสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดร่วมกันจับกุมตัวนายไซซะนะที่สนามบินสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ติดตามตรวจสอบพฤติกรรมมานานหลายปี
หลังจากการจับกุมตามนายไซซะนะ เจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจค้นเป้าหมายหลายแห่ง ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครือข่ายของนายไซซะนะ จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยร่วมขบวนการได้ 3 ราย คือ นายชุมพร พนมไพร จากจังหวัดอุดรธานี นายปุ่น ชรินทร์ จากจังหวัดสกลนคร และนางสาวอ้อยทิพย์ ปัญญารักษ์ จากจังหวัดสกลนคร พร้อมทั้งได้ยึดทรัพย์เป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ เงินฝาก และอื่นๆ มูลค่ารวมกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
สำหรับในชั้นสอบสวน นายไซซะนะได้สารภาพตลอดข้อกล่าวหา และทางการลาวได้ยึดทรัพย์สินนายไซซะนะ ซึ่งประกอบด้วยบ้านหรูห้าหลัง สวนยางพารากว่า 1,200 ไร่ รถยนต์หรู 9 คัน จากข้อมูลยังระบุว่า นายไซซะนะมีความใกล้ชิดกับกลุ่มไฮโซทั้งในประเทศลาว รวมถึงลูกสะใภ้ของอดีตนายกรัฐมนตรีลาว และในไทย เช่น นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบ๊นซ์ เรซซิ่ง” สามีของนักแสดงสาว “แพท” ณปภา ตันตระกูล
เครือข่ายยาเสพติดไซซะนะกับความรุนแรงในภาคใต้
หลังจากการจับกุมนายไซซะนะ ได้มีการขยายผลจับกุมพ่อค้ายาเสพติดในภาคใต้และในมาเลเซียอีกหลายราย ทำให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดได้ตั้งข้อสังเกตว่า เครือข่ายไซซะนะ อาจมีส่วนสนับสนุนเงินให้แก่ผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะว่าจะทำให้ค้ายาได้สะดวกขึ้น
พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ได้กล่าวในการแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ว่า “ที่เราจับนี่ คือผึ้งอีกรังนึง ไซซะนะคือผึ้งรังนึง อันนี้คือผึ้งทางใต้ ไม่ต้องกังวล นี่คือเด็กๆ ยังมีใต้ดินอีกเยอะมาก เราจะค้นให้เจอ”
ในก่อนหน้านั้น พล.ต.ท.สมหมาย ได้กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า ทางการไทยได้ติดตามนายไซซะนะ มาประมาณห้าปี ก่อนที่จะสามารถจับกุมตัวได้โดยทางการลาวให้ข้อมูลมาโดยตลอด และกล่าวอีกว่า ทุกครั้งที่มีการระดมจับยาเสพติด ความรุนแรงในภาคใต้จะลดลง
ผู้อำนวยการชุดปฏิบัติการพิเศษภัยแทรกซ้อน สำนักข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวเมื่อปีที่ผ่านมาว่า ปัญหาจากภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ ทั้งขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ขบวนการค้ายาเสพติด บ่อนการพนัน สินค้าหนีภาษี เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ โดย 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของอุดมการณ์ และ 20 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของขบวนการธุรกิจมืด ซึ่งมีเงินหมุนเวียนถึงเดือนละ 500-1,000 ล้านบาท