กสทช.ปิดเว็บผิดกฎหมาย อีกกว่า 1 พันยูอาร์แอลในช่วงเดือนครึ่ง

ในวันอังคาร (18 กรกฎาคม 2560) นี้ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า เฟซบุ๊คและยูทิวบ์ได้ทำการปิดการเข้าถึงเฟซบุ๊คแฟนเพจ และช่องยูทูวบ์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย และมีคำสั่งศาลให้ปิดการเข้าถึงในประเทศไทยแล้ว 1,115 ยูอาร์แอล จากรายชื่อทั้งหมด 2,907 ยูอาร์แอลที่ กสทช.เสนอระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม-1 กรกฎาคม 2560

“วันนี้มีการประชุมเป็นทางการ ข้อมูลที่อัพเดทล่าสุด เป็นคำสั่งตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม - 16 กรกฎาคม 2560 คือ เฟซบุ๊ค 2,082 ยูอาร์แอล ที่มีหมายศาล เฟซบุ๊คให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ได้มีการปิดกั้น 899 ยูอาร์แอลแล้ว ส่วนของยูทิวบ์ 672 ยูอาร์แอลที่มีหมายศาลได้ปิดกั้นไปแล้ว 180 ยูอาร์แอล ส่วนอื่นอีก 153 ยูอาร์แอล (ที่มีหมายศาล) ได้ปิดกั้นไปแล้ว 36 ยูอาร์แอล” นายฐากรกล่าว

ทั้งนี้ นายฐากรกล่าวว่า ในระยะเวลา 3 ปี นับจนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 สามารถปิดแล้วกว่า 6,900 ยูอาร์แอล

นายฐากร ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กสทช. ได้ประสานงานกับ สมาคมผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย (ISP) ให้ปิดกั้นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผิดกฎหมาย เช่น อนาจาร มีเนื้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือหมิ่นเบื้องสูง เป็นต้น ขณะเดียวกันกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เป็นหน่วยงานที่ประสานไปยังเฟซบุ๊ค และยูทูวบ์ เพื่อให้ปิดกั้นเนื้อหาที่ผิดกฎหมายดังกล่าวโดยตรง

“แนวโน้มในการกระทำผิดก็ยังมี เพราะว่าในคำสั่งศาลที่ออกมามันมีในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นเว็บโป๊ หรือเป็นภัยต่อความมมั่นคง ไม่ใช่เว็บหมิ่นฯอย่างเดียว ครั้งที่แล้ว 6,900 กว่ายูอาร์แอลได้มีปิดไปแล้วก่อนเดือนพฤษภาคม สัปดาห์นี้มีผู้กระทำผิดเพิ่มเกือบ 1 พันยูอาร์แอล แต่จะได้ดำเนินการหลังจากนี้” นายฐากรกล่าว

โดยนายฐากรให้ข้อมูลว่า กสทช. และไอเอสพี มีการประสานงานกันโดยตลอด ซึ่งจะได้มีการสรุปยอดเว็บไซต์ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายทุกหนึ่งเดือน และจะได้มีการขอหมายศาลเพื่อส่งให้มีการดำเนินการปิดกั้นต่อไป ซึ่งจำนวนกว่า 1 พันยูอาร์แอลที่เพิ่มขึ้นในช่วง 1 สัปดาห์ที่ว่านี้ จะได้ดำเนินการขอหมายศาล และส่งให้ทำการปิดต่อไปในอนาคต

ก่อนหน้านั้น ในวันที่ 12 เมษายน 2560 กระทรวงดีอี ได้ออกประกาศให้ประชาชนไทยงดเว้นการติดตาม ติดต่อ และเผยแพร่ข้อความบนเฟซบุ๊คของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธุ์ และนายแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล ซึ่งเป็นบุคคลที่มักนำเสนอข้อมูลเชิงวิพากษ์-วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยผ่านอินเทอร์เน็ต โดยประกาศดังกล่าวระบุว่า การติดตาม ติดต่อ และเผยแพร่ข้อมูลของบุคคลทั้งสาม อาจเป็นการเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550