เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมงาช้างลักลอบ มูลค่าร่วมสิบล้านบาท
2015.07.06

ในวันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคมนี้ เจ้าหน้าที่ทางการไทยสามหน่วยงาน ได้ร่วมแถลงข่าวที่กรมศุลกากร เกี่ยวกับการจับกุมงาช้าง มีมูลค่าราวสิบล้านบาท ที่ขนทางอากาศจากประเทศคองโกผ่านประเทศต่างๆ โดยมีจุดหมายปลายทางในประเทศลาว
นายจำเริญ โพธิยอด รองอธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยพลตำรวจเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายอดิศร นุชดำรงค์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้ากรมศุลกากรสามารถตรวจพบงาช้าง 102 ท่อน และ 28 กิ่ง ในวันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
จากการสืบสวนและตามข้อมูลการลักลอบค้าสินค้าต้องห้ามตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ของสำนักสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ได้มีการตรวจพบสินค้าที่มีลักษณะต้องสงสัยสองกล่อง ที่ขนมาโดยสายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ อีที 831/25 มีจุดเริ่มต้นจากสนามบินมายา มายา เมืองบราซเซวิลล์ ประเทศสาธารณรัฐคองโก ผ่านสนามบินแอดดิสอะบาบา ประเทศเอธิโอเปีย
เมื่อสินค้ามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 3 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ศุลกากร เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการตรวจสอบพบกล่องบรรจุสินค้าดังกล่าว ซึ่งระบุปลายทางในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จากนั้น เมื่อได้ตรวจสอบกล่องสินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ ปรากฏผลว่ามีงาช้างบรรรจุอยู่ภายในจึงได้ยึดงาช้างทั้งหมดไว้ พร้อมทั้งได้ติดตั้งไปยังผู้รับให้ทราบถึงโทษที่จะได้รับในกรณีการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้รับตามที่มีแจ้งไว้ในใบส่งสินค้า
ตามเอกสารข่าวกรมศุลกากร สำหรับเส้นทางการส่งสินค้านั้น ถ้าหากสินค้าผิดกฎหมายดังกล่าว ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิไปได้ จะมีการลำเลียงทางเครื่องบินต่อไปมาเลเซีย สิงคโปร์ ก่อนจะถูกส่งไปประเทศลาวต่อไป อันเป็นเส้นทางที่พ่อค้างาช้างเถื่อนใช้อยู่อย่างเป็นปกติ
จากสถิติของกรมศุลกากรในการจับกุมการลักลอบงาช้าง ในปี 2558 รวมทั้งสิ้น 10 ราย ปริมาณ 2,271 ชิ้น เป็นมูลค่ารวม 408,075,395 บาท ซึ่งนับว่าปี 2558 เป็นปีที่มีการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีปริมาณและมูลค่าสูงที่สุดกว่าปีที่ผ่านมา