ชาวไทยมุสลิมสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แสดงความไว้อาลัยแด่ในหลวง

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2016.10.21
ปัตตานี
TH-king-muslim-620 นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอ่านคุตบะห์เพื่อแสดงความอาลัยในหลวง ที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี โดยมีประชาชนชาวไทยมุสลิมเข้าร่วมกว่าร้อยคน วันที่ 21 ต.ค. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์ (21 ต.ค. 2559)นี้ ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รวมตัวในมัสยิดกว่า 3,000 แห่ง เพื่อละหมาดวันศุกร์ จากนั้นอิหม่ามประจำมัสยิดได้อ่านคุตบะห์ หรือบทธรรมกถาว่าด้วยสุจริตธรรม จากสำนักจุฬาราชมนตรีที่ได้ออกประกาศ เพื่อแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

โดยที่มัสยิดประจำจังหวัดปัตตานี นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กล่าวแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมที่มาละหมาดว่า การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นการจากไปเพียงพระวรกายเท่านั้น หากแต่พระองค์จะยังทรงเป็นพระราชาผู้ทรงธรรมของปวงชนชาวไทยและทรงสถิตมั่นในดวงใจพสกนิกรของพระองค์ตราบนิรันดร์กาล

"วันนี้ ชาวไทยมุสลิมทุกมัสยิดอ่านคุตบะห์วันศุกร์ เเสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงที่ทรงสร้างมัสยิดกลางในหลายจังหวัด และได้บูรณะมัสยิดกลางปัตตานี พระองค์ได้เข้าพระทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ทุกคนจึงรักพระองค์" นายแวดือราแม กล่าวแก่ผู้มาละหมาด

ในฐานะองค์ประมุขของประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์อัครราชูปถัมภกทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือซิกข์ ไม่มีการกีดกั้นการนับถือศาสนาใดๆ

นายแวดือราแม ได้อ่านคุตบะห์ถวายอาลัยว่า นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2489 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2559 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชย์สมบัติครบ 70 ปี ตลอดระยะเวลา 7 ทศวรรษนี้ พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจคุณูปการเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของปวงชนชาวไทย สมดังพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกและธรรมราชาผู้ปกครองอาณาประชาราษฎร์ทุกเชื้อชาติและศาสนา ทรงเจริญรอยตามสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช การพระราชทานเสรีภาพให้ประชาชนเลือกนับถือศาสนา และทรงเป็นผู้ตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้งทรงยอมรับศาสนาอื่นๆ ที่มิใช่ศาสนาพุทธได้เสมอกัน” นายแวดือราแม กล่าวตามเนื้อความในคุตบะห์

“ทรงเป็นธรรมราชาผู้ปกครองอาณาประชาราษฎร์ทุกเชื้อชาติ พระราชกรณียกิจที่ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยมุสลิมนั้น มากล้นเหลือคณานับ อาทิ ด้านการส่งเสริมการศึกษาหลักคำสอน ทรงให้ นายต่วน สุวรรณศาสน์ จุฬาราชมนตรี แปลและจัดพิมพ์อัลกุรอาน ฉบับความหมายภาษาไทย และได้พระราชทานแก่มัสยิดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร” นายแวดือราแม กล่าว

“ทรงพระราชทานพระราชดำริ ให้รัฐบาลจัดสร้างมัสยิดกลางประจำและทรัพย์ส่วนพระองค์ ในการสร้างมัสยิดนูรุ้ลเอี๊ยะห์ซาน จังหวัดเพชรบุรี ด้านการส่งเสริมการศึกษา ของชาวไทยมุสลิม ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไทยมุสลิม ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการส่งเสริมกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย และด้านการส่งเสริมยกย่องบุคลากรศาสนาอิสลาม"

นายแวดือราแม กล่าวต่ออีกว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสนพระราชหฤทัยในศาสนาอิสลาม และเข้าพระทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง แม้รูปแบบการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมอาจแตกต่างจากพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาอื่นบ้าง เพราะศาสนาอิสลามได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมุสลิมจะปฏิบัติผิดไปจากนั้นมิได้ พระองค์ทรงทราบความข้อนี้เป็นอย่างดี เมื่อพสกนิกรมุสลิมเข้าเฝ้าฯ ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ปฏิบัติตนตามบัญญัติของศาสนา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับพสกนิกรชาวไทยมุสลิม

นายอับดุลกอเดร์ อาแวกือจา ชาวจังหวัดยะลา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ในคำไว้อาลัยจากสำนักจุฬาราชมนตรี ทุกเรื่องเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติมา และพี่น้องมุสลิมได้เล่าขานกันให้ลูกหลานฟังต่อมาโดยตลอด

"พระองค์ทรงให้โอกาสคนทุกคน รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมาตลอด พระองค์ให้โอกาสทุกคนมีอิสระที่จะนับถือศาสนา พระองค์ทรงเข้าพระทัย ในทุก ๆ ด้าน ทั้งการศึกษา การพัฒนาคุณภาพชีวิต พระองค์ไม่ได้ไปไหนห่างไกลจากพวกเราเลย จะขอถวายงาน ตามคำสอน ด้านความรัก ความสามัคคี ความมีเมตตา และทุก ๆ ด้าน ที่พระองค์เคยตรัส จะนำเผยแพร่ให้ลูกหลานชาวมุสลิมได้ซาบซึ้งไปตลอดกาล" นายอับดุลกอเดร์กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง