แม่จ่านิวเข้ามอบตัวในความผิด ม.112 หลังศาลทหารออกหมายจับ

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.05.06
กรุงเทพฯ
TH-activist-1000 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ "จ่านิว" นักศึกษานักเคลื่อนไหวทางการเมือง ตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับการห้ามการชุมนุมของประชาชนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และประท้วงต่อต้านการควบคุมตัว นายวัฒนา เมืองสุข ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559
เอเอฟพี

ในวันศุกร์ (6 พฤษภาคม 2559) นี้ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ มารดาของนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ "จ่านิว" พร้อมทนายความได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่หลังจากที่ในช่วงเช้า ศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ น.ส.พัฒน์นรีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

เมื่อเวลา 16.00 น.ของวันนี้ น.ส.พัฒน์นรี ชาญกิจ และตัวแทนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ ปอท. หลังจากทราบข่าวว่าตนเองถูกออกหมายจับตามความผิด ม.112 ด้านกรรมการกองทุนที่ระดมเพื่อประกันตัวเพื่อนได้ใช้เงิน 500,000 บาท ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวนทันที

ล่าสุด เมื่อเวลา 20.00 น. นายธีรพันธ์ พันธ์คีรี ทนายความ น.ส.พัฒน์นรี เผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยให้เหตุผลว่า มีหลักฐานเป็นข้อความสนทนาผ่านโปรแกรมแชตเฟซบุ๊กส่วนตัว ระหว่าง เฟซบุ๊คเพจชื่อ “Burin Intin” ที่เป็นของ นายบุรินทร์ อินติน แนวร่วมพลเมืองโต้กลับ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ กับ เฟซบุ๊คเพจ ชื่อ “หนึ่ง นุช” ที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นของ น.ส.พัฒน์นรี

ด้าน นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ "จ่านิว" นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เปิดเผยความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊คจากจังหวัดร้อยเอ็ดว่า เขาเป็นห่วงแม่มาก และเชื่อว่าแม่ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกออกหมายจับ

“เรื่องวิพากษ์-วิจารณ์การเมืองทั่วไป แม่ผมเองก็ไม่ได้มีจุดร่วม หรือมีความสนใจขนาดนั้น เรื่องที่เสี่ยงต่อ 112 (กฎหมายอาญามาตรา 112) แม่ผมเองก็ไม่วิพากษ์-วิจารณ์อะไรอยู่แล้ว แม่ผมเองไม่เป็นคนที่ร่วมทางการเมืองมากนัก ผมก็ไม่คิดว่าวันนี้ จะถูกเป็นประเด็นทางการเมืองที่เขา (รัฐบาล) จะนำมาใช้จัดการกับแม่ผม” นายสิรวิชญ์กล่าว

“ผมยืนยันว่าผมจะยังทำกิจกรรมเหมือนดิม เคลื่อนไหวเหมือนเดิม คิดว่าอยากให้แม่ได้ประกันตัว แม่ผมก็ไม่อยากเห็นผมนอนในคุก ผมเองก็ไม่อยากเห็นแม่ผมนอนในคุกเช่นกัน” จ่านิวเพิ่มเติม

ส่วน นายอานนท์ นำพา หนึ่งในสองทนายความในคดีของน.ส.พัฒน์นรี ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คของตนเองว่า "สรุปข้อกล่าวหาคือ การมีคนส่งข้อความอาจเข้าข่าย ม.112 มาที่คุณ คุณเห็นแล้วไม่ห้าม ไม่ตำหนิ เท่ากับคุณมีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด .. เราจะเดินไปอย่างนี้จริงๆหรือ?"

นักวิชาการยื่นหนังสือต่อ UN ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทย

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559 เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองยื่นหนังสือร้องต่อองค์กรสหประชาชาติ เพื่อให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล-คสช. ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยชี้ว่า การปราบปรามประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาลในช่วงนี้เป็นการดำเนินการเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในสังคม

“ในแง่หนึ่ง การละเมิดสิทธิในด้านต่างๆ เช่น สิทธิทางการเมือง สิทธิทางการแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงสิทธิมนุษยชนนะครับ มันก็เกิดขึ้นในหลายลักษณะ หนึ่งในนั้นก็คือ การปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองไม่ให้แสดงความคิดเห็น” นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตัวแทนเครือข่ายฯ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์

นายอนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติในครั้งนี้ เพื่อให้สหประชาชาติรับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน และขยายประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มอำนาจในการกดดันรัฐบาลไทยในทุกครั้งที่ตัวแทนจากประเทศไทยเข้าไปร่วมประชุมกับสหประชาชาติ

“ถ้าสหประชาชาติรับทราบปัญหา แล้วตัวแทนประเทศไทยเข้าไปร่วมประชุมนานาชาติ ก็คล้ายกับว่ารัฐไทยต้องตอบโจทย์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบจริงจังมากขึ้น แทนที่จะบ่ายเบี่ยงไปมา หรือไม่ตอบ แบบที่ คสช. กระทำในประเทศไทย เพราะในประเทศไทย อำนาจของ คสช. ค่อนข้างที่จะสูง ทำให้ที่ผ่านมา (คสช.) อยากจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างไรก็ได้” นายอนุสรณ์กล่าว

นอกจากนี้ เครือข่ายนักวิชาการฯ ยังมองว่า การจับกุมแอดมินเพจการเมือง 8 คนในช่วงที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นการกวาดล้างของผู้เห็นต่าง และสร้างบรรยากาศความกดดัน หวาดกลัว และสอดคล้องกับที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ดังนั้นจึงมีความกังวลต่อสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง จึงขอเรียกร้องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ ให้ช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว และแสดงท่าทีไปยังรัฐบาลและ คสช.ให้ยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกกรณีโดยเร็ว

รัฐบาลยืนยันไม่เคยใช้ความรุนแรงกับผู้ถูกควบคุมตัว

ในวันเดียวกันนี้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองยื่นเรื่องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ตรวจสอบและยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลและคสช. ว่า นับตั้งแต่เข้ามาบริหารบ้านเมืองไม่เคยมีเหตุการณ์จับกุม ซ้อม ทรมานประชาชนหรือกลุ่มผู้เห็นต่างตามที่ถูกกล่าวอ้าง

“ผู้กระทำผิดกฎหมายทุกคนจะถูกควบคุมตัวและปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย แม้แต่คนที่กระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่เคยถูกกระทำรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น อยากให้เครือข่ายอาจารย์พิสูจน์ให้เห็นด้วยหลักฐาน ไม่ควรเชื่อข้อมูลจากการฟังตามกันมา หรืออ่านเพียงข้อมูลจาก social media โดยขาดการตรวจทาน ผิดวิสัยนักวิชาการหรือปัญญาชนที่มีคุณภาพ” พล.ต.สรรเสริญกล่าว

“รัฐบาลและ คสช.ไม่กังวลในการทำความเข้าใจกับองค์กรระหว่างประเทศ เนื่องจากท่านนายกฯ และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้สื่อสารอธิบายความก้าวหน้าของแนวทางการปฏิรูปประเทศมาโดยตลอด และหากองค์กรใดต้องการข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย เชื่อว่าสามารถติดต่อได้ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ กต.ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าการรับฟังข้อมูลจากกลุ่มคนหรือหน่วยงานอื่นที่อาจมีข้อมูลไม่ถูกต้องหรือบิดเบือน” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติม

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง