นายกรัฐมนตรีระบุหากสื่อทำผิดก็ต้องดำเนินคดี
2016.12.07
กรุงเทพฯ

ในวันพุธ (7 ธันวาคม 2559) นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกระบวนการเอาผิดสำนักข่าวต่างประเทศที่รายงานข่าวซึ่งอาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูงว่า หากสื่อมวลชนกระทำการที่อาจมีความผิดตามข้อกฎหมายไทย ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างไม่มีละเว้น ขณะเดียวกันโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ชี้ การฟ้องร้องสำนักข่าวบีบีซี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ต้องรอการขยายผลจากคดีของไผ่ ดาวดิน ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงความเป็นไปได้ในการที่รัฐบาลอาจฟ้องร้องต่อสำนักข่าวต่างประเทศ ในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า หากสำนักข่าวใดที่ตั้งสำนักงานในประเทศไทย และทำข่าวที่อาจเข้าข่ายความผิดกฎหมายไทย ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีอย่างไม่ละเว้น
“ในเรื่องของงานความมั่นคงเกี่ยวกับเรื่องของสื่อต่างประเทศอะไรต่างๆ ในเมื่อมันมีสาขาในประเทศไทย และมีนักข่าวคนไทยอยู่ด้วย และเมื่อมีการกระทำผิดกฎหมายไทยก็ต้องถูกดำเนินคดี ก็จบแค่นั้น” พลเอกประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
“เหมือนเราไปอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ประเทศไหนก็ตาม ถ้าเราทำผิดกฎหมายเขา เราก็โดนดำเนินคดีทั้งหมด ใครทำผิดกฎหมายในประเทศไทยก็ผิดไป ต่างประเทศเขาจะไม่ผิด ผมก็ไม่รู้ แต่ในไทยมันผิด” พลเอกประยุทธ์กล่าวเพิ่มเติม
พลเอกประยุทธ์เพิ่มเติมว่า สื่อมวลชนที่ทำงานในประเทศไทย ต้องระมัดระวังในการนำเสนอข่าวที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย และละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น
“จะให้ทำยังไง ยกเว้นได้หรือ เพราะฉะนั้นสื่อผิดก็ผิด ใครผิดก็ต้องผิด กฎหมายเดียวกัน ฉะนั้นระวังด้วยแล้วกัน อย่าไปทำความผิด ที่มันไปละเมิดความเป็นส่วนตัวเขา ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน มาตรา 116 ก็มี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ก็มี (กฎหมายเกี่ยวกับ)สิ่งพิมพ์มีหมด ต้องการประเทศชาติสงบสุขหรือเปล่า ถ้าต้องการก็ต้องช่วยผม” นายกรัฐมนตรี ระบุ
ในวันเดียวกัน พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ ปิงเมือง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า การดำเนินคดีกับสำนักข่าวบีบีซีไทยในกรณีที่เผยแพร่รายงานข่าวเรื่อง “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” ซึ่งถูกวิพากษ์-วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของเนื้อหานั้น จำเป็นต้องรอการขยายผลจากคดีของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษาหรือไผ่ ดาวดิน นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสานที่เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น
“ตอนนี้ มีการดำเนินคดีกับไผ่ ดาวดินไปแล้วเรื่อง 112 ในเรื่องของการที่จะดำเนินการกับใครต่อ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่ขอนแก่น ซึ่งทางขอนแก่นก็กำลังพยายามรวบรวมหลักฐาน พาดพิงถึงใครก็ต้องเกี่ยวหมดแหละ ไม่ใช่ไปแยกดำเนินคดีกับทางบีบีซี ไม่ใช่” พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์
“คดีตั้งต้นมันเป็นคดีที่ขอนแก่นกับไผ่ ดาวดิน ซึ่งเป็นคนที่เอาข้อความมาโพสต์เป็นภาษาไทยที่เมืองไทย ส่วนที่เหลือจะเป็นอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ว่าไปตามหลักฐาน ซึ่งอันนี้ อยู่ที่พนักงานสอบสวนจะพิจารณา ซึ่งตรงนี้ยังอยู่ในอายุความ มันอยู่ในกระบวนความ ใครเกี่ยวข้องก็โดนหมด” โฆษก สตช. ระบุ
พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวของบีบีซีและการดำเนินคดีกับไผ่ ดาวดินนั้น พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เป็นผู้ควบคุมดูแล เนื่องจากมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องความมั่นคง
คดีแชร์ข่าวบีบีซีไทยของ ไผ่ ดาวดิน
สืบเนื่องจากในเช้ามืดของวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา(ไผ่ ดาวดิน) นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่อีสาน ได้เผยแพร่รายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซี ภาคภาษาไทย (BBC Thai) เรื่อง “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว
โดยรายงานเรื่องนี้ เป็นที่วิพากษ์-วิจารณ์ ถูกเผยแพร่ผ่านหน้าเฟซบุ๊คแฟนเพจสำนักข่าวบีบีซีไทย (BBC Thai) ในช่วงกลางดึกของคืนวันพฤหัสบดี-ศุกร์ ที่ผ่านมา ถึงแม้รายงานชิ้นดังกล่าวจะมีผู้กดถูกใจกว่า 27,000 คน และถูกเผยแพร่ต่อกว่า 2,500 ครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ถูกกล่าวถึงบนสังคมออนไลน์ว่า เป็นรายงานข่าวที่เขียนอย่างมีอคติ มีการใส่ข้อมูลซึ่งเป็นข่าวลือปะปนกับข้อเท็จจริง รวมไปถึงนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงด้วย
ต่อมาในเช้าวันเสาร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวนายจตุภัทร์ ขณะกำลังร่วมกิจกรรมเดินธรรมยาตรา เพื่อลุ่มน้ำลำปะทาว ที่วัดป่าโปร่งช้าง อำเภอแก่งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี โดยวัดป่าสุคะโต ที่มีพระไพศาล วิศาโลเป็นเจ้าอาวาส โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อำนาจตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น หมายจับเลขที่ 433/2559 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2559 ว่านายจตุภัทรกระทำความผิดที่อาจเข้าข่ายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
ภายหลังจากข่าวการจับกุมตัวไผ่ ดาวดินในความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่งต่อข่าว “พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย” ถูกเผยแพร่ออกไป เจ้าหน้าที่รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ทำการปิดการเข้าถึงข่าวดังกล่าว และจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊คที่เคยกดปุ่ม “เผยแพร่ต่อ” และ “ถูกใจ” ก็ลดปริมาณลงตามไปด้วย
การถูกดำเนินคดีครั้งนี้ทำให้ปัจจุบัน นายจุตภัทร์มีคดีที่ยังอยู่ในการพิจารณารวม 5 คดี จากความผิดก่อนหน้าเกี่ยวกับการขัดขืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเลขที่ 3/2558, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, ความผิดเกี่ยวกับการรณรงค์การออกเสียงประชามติที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ และความผิดเกี่ยวกับการจัดงาน “พูดเพื่อเสรีภาพ” ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น