หัวหน้าคณะพูดคุยฯ คาดมีพูดคุยรอบหน้าได้ หลังโควิดคลี่คลาย

มารียัม อัฮหมัด และ นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2020.06.19
ปัตตานี และ กรุงเทพฯ
200619-TH-peace-talk-1000.jpg เจ้าหน้าที่ตรวจสอบศพของนายมะไซดี แวสุหลง คนร้ายที่ยิงเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ ที่จุดตรวจในหมู่บ้านกำปงตารง อ.เมือง จ.ปัตตานี วันที่ 17 มิถุนายน 2563
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ พลเอก วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์ว่า ทางคณะพูดคุยฯ คาดการณ์ว่าจะสามารถพบปะกับตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นได้อีกครั้ง ในเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคมนี้ หลังจากที่การระบาดของโรคโควิด-19 ทำไห้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางเพื่อไปพบปะกันในมาเลเซีย

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ พลเอก วัลลภ รักเสนาะ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าคณะฝ่ายไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว ได้นำคณะฝ่ายไทยบินไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อพบปะกับคณะผู้แทนของบีอาร์เอ็น ซึ่งนำโดย อุสตาซ อานัส อับดุลเราะห์มาน (หรืออีกชื่อที่ใช้คือ นายฮีพนี มะเร๊ะ) เป็นครั้งที่สอง โดยมี นายอับดุล ราฮิม บิน โมฮัมหมัด นูร์ เป็นผู้อำนวยความสะดวก

ในครั้งนั้น แถลงการณ์ฝ่ายไทยระบุว่า “บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ โดยได้พูดคุยในเรื่องการประสานงาน และการบริหารจัดการกระบวนการพูดคุย เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อกระบวนการพูดคุยด้วย ซึ่งการพูดคุยประเด็นสารัตถะ คงจะต้องอาศัยเวลา ความต่อเนื่อง และแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน.. ทั้งนี้ คณะพูดคุยจะยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และใช้ความพยายามอย่างเต็มความสามารถ ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยรายละเอียดในประเด็นต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป”

พลเอกวัลลภ กล่าวในวันนี้ว่า การเจรจาหยุดชะงักไป เพราะการเดินทางไม่สะดวก แต่เมื่อหากสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ก็จะเตรียมการในการพูดคุยต่อไป

“จะมีการพบปะหลังโควิด เพราะช่วงนี้ สถานการณ์เดินทางลำบาก หลังโควิดก็น่าจะมีโอกาสได้พูดคุย ต้องดูสถานการณ์ก่อน ผมมองไว้เป็นกรกฎาคม หรือสิงหาคม ถ้าสถานการณ์คลี่คลาย ก็อาจมีการพูดคุย ช่วงโควิดไม่ได้มีการพูดคุยกัน” พลเอกวัลลภ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

อย่างไรก็ตาม พลเอกวัลลภ ไม่ได้ระบุว่าจะมีการหยิบยกหัวข้อใดขึ้นมาพูดคุยกันบ้าง

ด้าน นายอับดุล ราฮิม นูร์ ผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยสันติสุขในมาเลเซีย ได้กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ในวันนี้อีกครั้ง ว่า การอำนวยความสะดวกการพูดคุย จะมีจนกว่าจะเกิดสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้

"การพูดคุยสันติภาพ ระหว่างรัฐบาลไทยและบีอาร์เอ็น โดยมีมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวก จะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะประสบความสำเร็จในการสร้างสันติภาพ” นายราฮิม นูร์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ในมาเลเซีย

แต่ นายราฮิม นูร์ ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา เมื่อผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์สอบถามว่า การพูดคุยจะดำเนินต่อในเดือนกรกฎาคม หรือสิงหาคม ตามที่ฝ่ายไทยกล่าวหรือไม่

หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้กระจายตัวรุนแรงขึ้น ทางบีอาร์เอ็นได้ออกแถลงการณ์เมื่อต้นเดือนเมษายนว่า จะยุติการปฏิบัติการใด ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่สามารถทำหน้าที่ควบคุมโรคโควิด โดยมีเงื่อนไขว่า ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องงดการปฏิบัติการต่อฝ่ายตนด้วย

นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่กลุ่มบีอาร์เอ็นประกาศหยุดยิง จนถึงต้นเดือนมิถุนายน 2563 นี้ มีเหตุยิงขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งหมดกว่า 20 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 10 ราย ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ต้องหาเสียชีวิตจากการปะทะ 4 ราย ส่วนที่เหลือเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน อิงตามตัวเลขการรายงานเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบนาร์นิวส์รวบรวมไว้

'บีอาร์เอ็นลดการเคลื่อนไหว ถือเป็นสถานการณ์เชิงบวก'

พลเอกวัลลภ กล่าวว่า สถานการณ์ที่ลดลง เป็นการพัฒนาของสถานการณ์ที่เป็นไปในทางบวก แม้ว่าตนเองไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นเพราะการประกาศหยุดยิงของฝ่ายบีอาร์เอ็น

“ผมคิดว่าที่สถานการณ์ลดลง มีหลายสาเหตุ ทั้งสถานการณ์โควิด และหลาย ๆ อย่าง ประเด็นของบีอาร์เอ็น เรายังไอเด็นติฟายไม่ได้ชัดเจน แต่ก็ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้น ก็คงประกอบด้วยกันหลายสาเหตุ การที่บีอาร์เอ็นลดการเคลื่อนไหว ก็ถือว่า เป็นสถานการณ์เชิงบวก” พลเอกวัลลภกล่าว

หลังจากการประกาศหยุดยิงเกือบหนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่ทำการค้นหาบุคคลเป้าหมาย ในหมู่บ้านปะการือสง ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพราะได้รับรายงานจากสายข่าวว่า มีกลุ่มคนร้ายเข้ามาเคลื่อนไหวหมายก่อเหตุ ในช่วงรอมฎอน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการค้นหาเป้าหมายในหมู่บ้าน จนมีการยิงกันขึ้น เป็นเหตุให้คนร้าย เสียชีวิต 3 นาย ส่วนเจ้าหน้าที่ บาดเจ็บ 1 นาย

จากนั้นในตอนค่ำของวันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม 2563 โดยมีคนร้ายยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย บนถนนสายบลูกา-บ้านสโลว์ ช่วงภายในหมู่บ้าน ม.1 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และในวันถัดมา คนร้ายยิงเจ้าหน้าที่ อส.ทพ. ฉก.ทพ.44  เสียชีวิต จำนวน 2 นาย บนถนนรอยต่อบ้านฮูแตกอแล หมู่ที่ 3 กับบ้านบาโงมูลง หมู่ที่ 6 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งผู้เสียชีวิต ทำหน้าที่สนับสนุนร่วมการตั้งด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่บริเวณสะพานฆอตอ ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นการแก้แค้นของฝ่ายบีอาร์เอ็น

เหตุการณ์ล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้ โดยนายมะไซดี แวสุหลง หรือ ฮัมดี อายุ 31 ปี ซึ่งมีหมายจับและเป็นอดีตผู้ร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังจุดตรวจบริเวณเส้นทางภายในหมู่บ้านกำปงตารง อ.เมือง จ.ปัตตานี และใช้ปืนสั้นยิงทหารได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าหนึ่งนาย แต่ตนเองถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต

นับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2547 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 ราย จากเหตุการณ์รุนแรงในสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

นายดลนียา มอลอ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวสนับสนุนการเจรจา และขอให้มีความสงบมากขึ้น

"ก็ดีถ้าเจรจา อยากให้สามจังหวัดสงบเร็ว ๆ ให้เหมือนสามเดือนนี้ก็ยังดี อยากให้รัฐบาลจริงใจ บีอาร์เอ็นจริงใจ ทุกฝ่ายคุยกันตั้งเป้าเพื่อคนพื้นที่ เพื่อชาวบ้านจริงๆ สามเดือนที่ผ่านมา แม้พื้นที่ไม่ได้สงบทั้งหมด ยังมีเหตุอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่า ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว" นายดลนียา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ด้านนายมะแอ สะอะ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการ PULO กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี ถ้าจะมีการพูดคุยเร็ว ๆ นี้ โดยนอกจากประเด็นความสงบแล้ว ตนยังต้องการให้รัฐช่วยเหลือแรงงานอีกด้วย

“ทราบมาว่ามีหลายประเด็นจะคุยกัน หนึ่งในประเด็นสำคัญ ที่เกิดขึ้้น ช่วงโควิด-19 คือ เรื่องแรงงานไทยมาเลย์ ที่อาจเป็นปัญหาในอนาคต ผมอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญเจรจากับมาเลย์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยความสะดวก ขอเป็นพิเศษให้คนไทยสามารถเข้าไปทำงานในมาเลย์ได้ปกติ” นายมะแอ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ระบุวันศุกร์นี้ว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,146 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วสะสม 3,008 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย

โนอาห์ ลี ในกัวลาลัมเปอร์ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง