นายกกล่าวว่า ประเทศไทยมาถึงทางสองแพร่ง
2016.10.21
กรุงเทพฯ

ในวันศุกร์ (21 ต.ค. 2559) นี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวในการเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณ ปี 2561 เชิงยุทธศาสตร์อย่างบูรณาการว่า ประเทศไทยได้เดินมาถึงทางสองแพร่งระหว่างความล้มเหลวหรือความรุ่งโรจน์ แต่ต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์มา 700 ถึง 800 ปี
ในเดือนเมษายน 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่า บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะล่อแหลมต่อการเกิดสงครามกลางเมือง หลังจากที่นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) รวมทั้ง นักการเมืองอีกหลายพรรค ไม่สามารถยุติความขัดแย้งในขณะนั้นได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อเร็วนี้ๆ ว่า ประเทศไทยยังคงเดินหน้าตามโร้ดแมปเดิมที่วางไว้ ที่ว่าจะมีการเลือกตั้งในประมาณกลางปี พ.ศ. 2561 โดยไม่มีผลกระทบกับการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลเสด็จสวรรคต เมื่อสัปดาห์ก่อน และในขณะนี้ อยู่ในระหว่างการแก้ร่างรัฐธรรมนูญ ที่สามารถจะดำเนินการได้เสร็จภายในสิ้นปีนี้
ในการประชุมสัมมนาในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า ต่อไปรัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวก กำหนดนโยบาย สร้างความร่วมมือและขจัดอุปสรรคขัดขวางการทำงาน ในขณะที่ภาคเอกชนต้องนำสิ่งที่รัฐบาลเปิดแนวทางไว้ให้ไปดำเนินการคู่ขนานกันไป
“ทั้งหมดคือหลักกว้างๆ ที่กระทรวงต้องคิด ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายกระบวนการยุติธรรม การต่างประเทศ รวมถึงวาระแห่งชาติต่าง ๆ ที่กำหนดไว้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในการเปิดการประชุมสัมมนาของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
“หากเราไม่วางยุทธศาสตร์ในการเดิน ก็จะกลับไปที่เดิม เสียเวลา มันอยู่ระหว่างความล้มเหลวกับความรุ่งโรจน์ ขึ้นอยู่กับเรา มันคืออนาคตของประเทศไทย ซึ่งท่านจะมีส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพิ่มเติม
“แต่อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์ไทย มีสถาบันกษัตริย์ยาวนาน 700 ถึง 800 ปี ทุกวันนี้ อยู่ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เริ่มต้นไว้ทั้งสิ้น แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนอย่างไร เราต้องไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หลังจากการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล ทางองค์รัชทายาท คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร ทรงมีบัณฑูรผ่านทางพลเอกประยุทธ์ว่า ให้เลื่อนการกราบบังคมทูลเชิญขึ้นครองราชย์ไว้ก่อน เนื่องจากพระองค์ทรงต้องการทำพระทัยร่วมกับประชนชาวไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต่างชาติกำลังจับตามองว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างไร และได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่สามารถฝืนกระแสประชาธิปไตยอย่างสากลได้ แต่ประเทศไทยสามารถเลือกแนวทางผสมกับประชาธิปไตยอย่างไทยๆ ได้
“วันนี้ ต่างประเทศมองดูว่าประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร และเราขัดแย้งกับประชาธิปไตยสากลไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องทำให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะต้องเป็นความเข้มแข็งทั้งในแบบสากลและแบบไทย อย่างที่ประเทศไทยต้องการ โดยต้องไม่มีความขัดแย้ง ปัญหาต่างๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้อีก นับตั้งแต่บัดนี้ป็นต้นไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว