“จ่านิว” เตรียมแจ้งความข้อหาพยายามฆ่า หลังโดนทำร้าย
2019.06.03
กรุงเทพฯ

ในวันนี้ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง ระบุ จะดำเนินคดีกับบุคคลที่ลอบทำร้ายในข้อหาพยายามฆ่า หลังจากกล่าวว่าถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้าย ในย่านห้วยขวาง เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า บริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด
นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว นักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางการเมือง อายุ 27 ปี กล่าวว่าตนเอง ถูกกลุ่มคนร้ายประมาณ 5-6 คน ที่ปกปิดใบหน้า ใช้อาวุธคล้ายไม้พลองเข้าลอบทำร้ายเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายสิรวิชญ์ กล่าวผ่านการไลฟ์สดทางเฟสบุ๊คส่วนตัว หลังถูกลอบทำร้ายว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีความพยายามจะฆ่าตนให้ตาย เพราะใช้อาวุธแข็งคล้ายไม้พลองกระหน่ำตีเข้าที่ศีรษะ บริเวณขมับเหนือกกหู ซึ่งเป็นจุดอันตรายทำให้เสียชีวิตได้ แม้ว่าตนเองได้พยายามปัดป้องร่างกาย ใช้มือกุมศีรษะ แต่กลุ่มคนร้ายก็ใช้เท้าเตะเสยเข้าที่ปาก และใช้อาวุธกระหน่ำตีที่ใบหน้าและศีรษะตลอดเวลา โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
“ในเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูเบื้องต้นให้แล้ว และขอให้รวบรวมพยานหลักฐานให้ หลังจากนี้ ผมขอปรึกษาทนายความก่อนที่จะไปแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มเติม” นายสิรวิชญ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับเบนาร์นิวส์ในวันนี้
“คงต้องแจ้งความในข้อหาพยายามฆ่า เพราะตามหลักคนเราถ้ามีพฤติการณ์จะตีสั่งสอนจะตีส่วนอื่น แต่นี่เน้นตีแต่หัว ตรงทัดดอกไม้ ทำให้ตายได้ทีเดียว ผมตอนนี้ ก็ถือว่าเกือบตาย ตีไม่ปราณีกันเลย ผมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและไม่อโหสิกรรมให้ด้วย ถือว่าทำเกินกว่าเหตุ” นายสิรวิชญ์ กล่าวผ่านการไลฟ์สด จากโรงพยาบาลด้วยใบหน้าที่มีสภาพฟกช้ำ บวม จากการถูกทำร้าย
ด้านนางสาว พัฒน์นรี ชาญกิจ มาดาของนายสิรวิชญ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว หลังเดินทางไปเยี่ยมบุตรชายที่ห้องฉุกเฉิน ร.พ.มิชชั่นว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับบุตรชายของตนเอง เพราะใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่น และกิจกรรมที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำความรุนแรงให้เกิดขึ้น จึงใช้บริการรถสาธารณะเพราะไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น และคงไม่ขอให้บุตรชายหยุดทำกิจกรรมเคลื่อนไหว รณรงค์ต่างๆ เพราะคิดว่ามันไม่มีประโยชน์แล้ว
“วันนี้ผิดหวังที่คนตรงนั้นไม่มีใครช่วยนิวเลย นิวไม่มีปัญหาเรื่องอื่นเลย นอกจากเป็นนักเคลื่อนไหว นักกิจกรรมอย่างเดียว ตลอดเวลาที่นิวเป็นนักกิจกรรม นิวโดนขู่ทำร้าย โดนคุกคามกันมาอยู่แล้ว” นางสาวพัฒน์นรี กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าบริเวณที่นายสิรวิชญ์ โดนทำร้ายนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด แต่เจ้าหน้าที่จะพยายามหากล้องวงจรปิดในจุดอื่นเพิ่มเติมเพื่อตามหาตัวคนร้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เรียกให้นายสิรวิชญ์มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง ขณะนี้ ต้องรอให้นายสิรวิชญ์พักฟื้นรักษาตัวในโรงพยาบาลจนหายเป็นปกติก่อน
ก่อนถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังจากเกิดเหตุ นายสิรวิชญ์ ได้เข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวางว่า ตนเองถูกรุมทำร้ายในขณะเดินจากห้างเดอะสตรีทมาที่ป้ายรถเมล์ปากซอยรัชดาซอย7 เพื่อรอขึ้นรถเมล์ โดยกลุ่มคนดังกล่าวได้ขี่จักรยานยนต์หนีไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นหลังจากนายสิรวิชญ์ ทำกิจกรรมในการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อให้ประชาชนเข้าชื่อเขียนจดหมายเรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 คน ที่เป็นคนที่ คสช. เลือกมานั้น งดออกเสียงในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
นอกจาก จ่านิว เอกชัย และฟอร์ด แล้ว ยังมีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายรายที่หายตัวไป ขณะลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ เริ่มจากปี มิถุนายน 2559 นายอิทธิพล สุขแป้น หรือ ดีเจซุนโฮ อดีตนักจัดรายการวิทยุใต้ดินของกลุ่มคนเสื้อแดง หายตัวไปขณะที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศลาว ต่อมา กรกฎาคม 2560 นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดงปทุมธานี หายไปขณะลี้ภัยอยู่ในประเทศลาวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกรณี ไม่มีผู้ใดทราบเบาะแสเพิ่มเติม หรือพบศพ ในเดือนธันวาคม 2561 นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งจัดรายงานวิทยุออนไลน์ และเขียนบทความเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต ขาดการติดต่อกับคนสนิท และต่อมาพบศพ 2 ศพที่ถูกผ่าท้องยัดแท่งปูน คลุมด้วยกระสอบ และมัดด้วยเชือกแน่นหนา ลอยมาติดริมตลิ่งริมแม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม จากการตรวจสอบดีเอ็นเอ ทำให้ทราบว่าเป็นศพของ นายชัชชาญ บุปผาวัลย์ หรือสหายภูชนะ และนายไกรเดช ลือเลิศ หรือสหายกาสะลอง ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดและอาศัยอยู่กับนายสุรชัย ระหว่างลี้ภัยในประเทศลาว ทำให้ครอบครัวเชื่อว่า นายสุรชัยน่าจะเสียชีวิตแล้วเช่นกัน
ล่าสุด ในเดือนพฤษภาคม 2562 นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือลุงสนามหลวง ซึ่งจัดรายการวิทยุในนาม “สหพันธรัฐไท” นายสยาม ธีรวุฒิ หรือข้าวเหนียวมะม่วง อดีตนักศึกษานักกิจกรรม และนายกฤษณะ ทัพไทย หรือยังบลัด คนใกล้ชิดนายชูชีพ หายตัวไปขณะเดินทางไปยังประเทศเวียดนาม โดยมีรายงานข่าวบางสำนักอ้างว่า ทั้งหมดถูกเวียดนามส่งตัวกลับมายังไทยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ปฏิเสธข่าวดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมคนทั้งสาม ทั้งนี้บุคคลทั้งหมด มีจุดร่วมคือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดที่อาจเข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง และลี้ภัยออกนอกประเทศหลังจากการยึดอำนาจโดย คสช. เมื่อปี 2557
พรรคการเมืองประณามการใช้ความรุนแรง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คถึงกรณีนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถูกทำร้ายประณามการใช้ความรุนแรง
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการคุกคาม ข่มขู่ ใช้ความรุนแรง กับผู้เห็นต่างทางการเมืองในประเทศไทย อาทิ คุณเอกชัย หงส์กังวาน ถูกทำร้ายถึง 9 ครั้ง คุณฟอร์ด เส้นทางสีแดง ที่ล่าสุดก็ถูกทำร้ายเช่นกัน เหตุใดการกระทำลักษณะจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้งได้โดยที่ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ? ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้? ซ้ำร้ายผู้ที่ถูกคุกคามทำร้าย เพราะความเห็นต่างทางการเมืองกลับโดนคดีซ้ำอีก เพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาแสดงออกทางการเมือง” นายปิยบุตร ระบุ
ขณะที่พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อความจากนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้ระบุถึงเหตุการณ์ใดๆ เป็นกรณีพิเศษว่า ขอร้องให้ทุกพรรคการเมืองหยุดเอาชนะคะคานกัน เพื่อทำงานอย่างสร้างสรรค์เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองต่อไป
พล.ท.วีรชน เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามข่าวสารการเมือง ซึ่งส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่พรรคการเมืองมุ่งเอาชนะคะคานกันและโจมตีฝ่ายตรงข้าม จนอาจทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย และกลายเป็นชนวนเหตุที่กระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมได้
"นายกฯ ขอให้ทุกพรรคการเมืองคำนึงถึงส่วนรวมเป็นที่ตั้ง โดยร่วมกันทำงานในระบบรัฐสภาเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งพยายามช่วยกันเดินหน้าประเทศไปให้ได้มากกว่าการชนะกันแต่เพียงอย่างเดียวเช่นทุกวันนี้ เพื่อให้สังคมมีความหวังและรู้สึกศรัทธาต่อระบบการเมืองไทย" พล.ท.วีรชน ระบุ