สาธารณสุขเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรงดออกจากบ้าน
2018.02.08
กรุงเทพฯ

กระทรวงสาธารณสุขประกาศเตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ สตรีมีครรภ์ ให้เลี่ยงออกจากบ้าน ส่วนประชาชนทั่วไปงดการออกกำลังกาย และทำงานหนักกลางแจ้ง แต่หากจำเป็นควรใส่หน้ากากอนามัย หลังกรมควบคุมมลพิษเผยแพร่รายงานสภาพอากาศในกรุงเทพฯ พบค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ต่อเนื่องเป็นวันที่หก
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกคำเตือนประชาชนในวันพฤหัสบดี (8 กุมภาพันธ์) นี้ หลังสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) รายงานว่าสถานการณ์มลพิษจากฝุ่นขนาดเล็กในอากาศมีค่าเกินค่ามาตรฐานในบางพื้นที่ แนะนำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงผู้ป่วยด้วยโรคเยื่อบุตาอักเสบและโรคผิวหนัง ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ควรงดการออกจากบ้าน
“ประชาชนกลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการกำเริบได้ง่ายจากการสูดดมฝุ่นขนาดเล็ก ขอให้พักผ่อนอยู่ในบ้าน ควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการทรุดลง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ ปิดจมูกและปาก ถ้าอยู่ในที่ที่มีฝุ่นหนาแน่นให้ใช้หน้ากากกรองฝุ่นหรือหาผ้าเปียกมาปิดจมูก” นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวในคำเตือน
“ส่วนประชาชนทั่วไป ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและทำงานหนักที่ออกแรงมาก เพราะการหายใจเร็วในระหว่างการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายรับฝุ่นละอองเข้าไปมาก ขอให้ดื่มน้ำมากๆ และไม่สูบบุหรี่” คำเตือนระบุเพิ่มเติม
ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้แจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ณ เวลา 12.00 น. ว่าตรวจวัดได้ระหว่าง 72-95 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) โดยปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเขตบางนา เขตวังทองหลาง ริมถนนพระรามสี่ ริมถนนอินทรพิทักษ์ และริมถนนลาดพร้าว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 นับตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ในกรุงเทพฯ วัดได้ระหว่าง 31-53 มคก./ลบ.ม. เกินเกณฑ์มาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) เพียงเล็กน้อย
กรมควบคุมมลพิษ ระบุอีกด้วยว่า สถานการณ์สภาพอากาศที่มีปริมาณฝุ่นละอองสะสมเพิ่มขึ้น เกิดขึ้นจากสภาพอากาศที่เย็นลง อุณหภูมิลดลง และความชื้นในบรรยากาศสูงขึ้น ซึ่งทางกรมฯ ได้ติดตามและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือนประชาชนต่อไป
ในวันเดียวกันจำนวนประชาชนที่มาวิ่งและออกกำลังกาย บริเวณสวนลุมพินี ถนนพระรามสี่ มีปริมาณที่บางตามากกว่าปกติในเวลาเดียวกัน หลายคนกล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า สภาพอากาศขมุกขมัว หายใจไม่สะดวกขณะวิ่ง และออกกำลังกาย ทำให้เหนื่อยง่าย มีอาการแสบคอ จึงงดการวิ่งในช่วงนี้และจะกลับมาวิ่งเมื่ออากาศดีขึ้น
นางวัลลภา ชัยรัต อายุ 72 ปี ข้าราชการบำนาญ สวมผ้าปิดจมูก ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ว่า สภาพอากาศปัจจุบันทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ มีอาการหายใจขัด แสบคอ ไอ-น้ำมูกไหลตลอดเวลา
“มีอาการป่วยจากภูมิแพ้อากาศ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก คันตา น้ำมูกไหล อยู่บ้านก็อยู่ไม่ได้ ออกมาเจออากาศแบบนี้เหมือนจะป่วย ปวดหัว โรคภูมิแพ้กำเริบแล้วมันลามไปหมด ทั้งคันตา คันจมูก น้ำมูกไหล” นางวัลลภา กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดการเฝ้าระวังประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบด้านสุขภาพจากสถานการณ์ดังกล่าว แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีรายงานการเจ็บป่วยของประชาชนที่เป็นผลกระทบจากฝุ่นขนาดเล็ก หรือพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอย่างมีนัยสำคัญที่สัมพันธ์กับผลกระทบจาก PM 2.5 แต่ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอย่างใกล้ชิด