คนไทยเฝ้ารอต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
2019.11.19
กรุงเทพฯ

คณะรัฐบาลไทยและประชาชนไทยเตรียมต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่จะเสด็จเยือนประเทศไทย ในระหว่างวันพุธถึงวันเสาร์นี้ ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้ส่งสาส์นถึงชาวไทย โดยแสดงความชื่นชมประเทศไทย ที่สนับสนุนความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขทั่วทั้งภูมิภาค นับเป็นแรงบันดาลใจในความพยายามของพี่น้องเพื่อนมนุษย์ชายหญิงทั่วโลก ในการส่งเสริมครอบครัวมนุษยชาติของพวกเรา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส จะเสด็จถึงท่าอากาศยานทหารอากาศ บน. 6 ดอนเมือง ในเวลาหลังเที่ยงของวันที่ 20 พฤศจิกายน โดยมีพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ นับเป็นการเสด็จเยือนของสันตะปาปาครั้งแรก ในรอบ 35 ปี ซึ่งในวันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กว่า 6,500 นาย ในการถวายการอารักขา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส รวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาร่วมการรับเสด็จ ทั้งในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร และนครปฐมด้วย
ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปา ได้ทรงอ่านสาส์นถึงประชาชนชาวไทยผ่านทางเว็บไซต์ วาติกันนิวส์ ใจความว่า พระองค์ทราบว่า ประเทศไทยมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ รวมถึงจิตวิญญาณและความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม และประเทศไทยได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี ไม่เพียงแต่ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่รวมถึงทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“โลกใบนี้ บ่อยครั้งต้องเผชิญกับความบาดหมาง การแบ่งแยก กีดกัน ข้าพเจ้ามีความมุ่งมั่นในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน มีการเคารพต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ทั้งชาย หญิง หรือเด็ก ซึ่งสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มีความปรารถนาดีทั่วโลก ในการส่งเสริมการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นไปในความเป็นมนุษย์ เพื่อความเป็นปึกแผ่น ความยุติธรรมและการใช้ชีวิตอย่างสงบสุข” สมเด็จพระสันตะปาปากล่าว
โดยสมเด็จพระสันตะปาปา ยังระบุว่า การเสด็จเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ พระองค์ยังจะได้มีโอกาสพบปะกับชุมชนคาทอลิกในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการทำงานเพื่อประเทศบ้านเกิด และหวังจะเสริมสร้างมิตรภาพที่ดีกับชาวไทยพุทธในประเทศด้วย
“ข้าพเจ้าเชื่อว่าการมาเยือนของข้าพเจ้าในครั้งนี้ จะช่วยเน้นย้ำถึงความสำคัญระหว่างความเชื่อทางศาสนา ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความร่วมมือกันฉันท์พี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ด้อยโอกาส ผู้ขัดสนในการรับใช้เพื่อสันติภาพ ในช่วงเวลานี้เราจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อสันติภาพเป็นอย่างมาก” สมเด็จพระสันตะปาปาทรงกล่าว
ในวันพฤหัสบดีนี้ รัฐบาลไทยจะให้การต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปา อย่างเป็นทางการที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสันตะปาปาจะพบกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสันตะปาปาจะปราศรัยกับคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และคณะทูตานุทูต ที่ทำเนียบรัฐบาล เสด็จเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลสังฆปรินายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เสด็จเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต และประกอบพิธีมิสซา บูชาขอบพระคุณ ณ สนามศุภชลาศัย
ส่วนในวันศุกร์ สมเด็จพระสันตะปาปา ประกอบภารกิจทางศาสนาในนครปฐม และกรุงเทพ โดยจะพบปะกับผู้นำคริสตชนนิกายต่างๆ และผู้นับถือศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย พร้อมกับผู้นำสถาบันอุดมศึกษา คณาจารย์ นิสิต นักศึกษา ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ส่วนในวันอังคารนี้ “อัตตัร คอรัส” ซึ่งเป็นคณะประสานเสียง นักเรียนโรงเรียนอัตตัรกียะห์ อิสลามมียะห์ ในจังหวัดนราธิวาส ได้เดินทางมายังกรุงเทพ เพื่อร่วมร้องเพลงกับคณะนักร้องประสานเสียง (Chulalongkorn University Concert Choir) ต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในบทเพลง Peace Prayer และ Sings of Freedom
“เป็นเกียรติอันสูงสุดในครั้งนี้ ที่จะได้แสดงเพลงที่เกี่ยวข้องสื่อสันติภาพ ถือเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศและระดับโลกทีเดียว และเราเชื่อมั่น เพลงที่แสดงจะสื่อถึงความหมายในการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลาย สร้างสันติสุข สันติภาพ ให้เกิดขึ้นทั้งในประเทศและทั่วโลก” อาจารย์น้องมะ มะดามะ เจ้าหน้าที่วิชาการและผู้ควบคุมวง “อัตตัร คอรัส” กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ด้าน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นับเป็นเกียรติของรัฐบาลที่จะได้รับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปา
“ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือนประเทศไทย เพราะถือเป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่พระสันตะปาปาไม่ได้เยือนไทย ถือเป็นเกียรติของรัฐบาลที่จะได้รับเสด็จ รัฐบาลก็ได้เตรียมการเป็นอย่างดี... ประเทศไทยก็ถือว่าสนับสนุนทุกศาสนาอยู่แล้ว สำหรับผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ก็ถือว่ามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยเช่นกัน” ดร.นฤมล กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
การเสด็จเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในครั้งนี้ เป็นการเสด็จเยือนประเทศไทยในรอบ 35 ปี หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอล ที่ 2 เสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อปี 2527 (ค.ศ. 1984) เพื่อร่วมการเฉลิมฉลองการครบรอบ 350 ปี แห่งการสถาปนามิสซังสยาม และฉลองการครบรอบ 50 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและนครรัฐวาติกัน
หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญในการเสด็จเยือนในครั้งนี้ คือ พิธีมิสซา ที่สนามศุภชลาศัย ในวันที่ 21 พ.ย. ซึ่งคาดว่าจะมีคริสตชนมาร่วมงานกว่า 50,000 คน ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เดินทางมาเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา และ พิธีมิสซาสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก ในวันที่ 22 พ.ย. นี้
นางสาว วรรณณัช วรรักษ์กิตติ อายุ 44 ปี ชาวไทยพุทธ ที่เคยศึกษาอยู่โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา ให้สัมภาษณ์กับเบนานิวส์ทางโทรศัพท์ว่า ตนรู้สึกดีใจ และตื่นเต้นมากเมื่อทราบข่าวการเสด็จเยือนในครั้งนี้ เนื่องจากตนได้เคยมีโอกาสไปเฝ้ารับเสด็จสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นปอล ที่ 2 สมัยยังเรียนอยู่
“จำความรู้สึกนั้นได้ แม้จะได้เห็นท่านไกลๆ แต่มันบอกไม่ถูก มันปลื้มใจ... พิธีมิสซาที่สนามกีฬา ก็ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เหลือเกิน เหมือนเราเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ในโบสถ์ขนาดใหญ่ ทั้งๆ ที่ความจริงมันคือ สนามกีฬาฯ ตอนนี้ ความรู้สึกนั้นมันกลับมาอีกครั้ง มันตื่นเต้นดีใจอย่างบอกไม่ถูก” นางสาววรรณณัช ระบุ
มาตาฮารี อิสมาแอ และนนทรัฐ ไผ่เจริญ มีส่วนร่วมในการรายงานข่าวนี้