ฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องรัฐบาลไทยยุติการทรมานนักโทษแบบป่าเถื่อน

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.04.23
กรุงเทพฯ
180423-TH-inmate-620.jpg ผู้ต้องขังเข้าแถวเดินกลับเข้าแดนขัง หลังพบญาติที่เรือนจำบางขวาง นนทบุรี วันที่ 15 พฤษภาคม 2556
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช/เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์นี้ องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมราชทัณฑ์ ยุติการใช้ความป่าเถื่อนในการทรมานและการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมทั้ง การปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดลอยนวล หลังจากได้เกิดเหตุลงโทษทางวินัยอย่างรุนแรง เป็นผลให้นักโทษชายเสียชีวิตในเรือนจำสมุทรปราการ สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ครอบครัวผู้เสียชีวิต เดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมเพื่อหาคนกระทำความผิดมาลงโทษ

จากกรณีการเสียชีวิตของนักโทษชาย พัฒนชิรพงฐ์ บุญญะเสมา อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรปราการ และกำลังจะพ้นโทษ ซึ่งเหลือโทษจำคุกอีก1 ปี 8 เดือน เสียชีวิตในเรือนจำด้วยสภาพศพที่มีบาดแผลและรอยช้ำมากมายตามร่างกาย รวมทั้งข้อมือ ปรากฏเป็นข่าวใหญ่เมื่อนางสาววนิชชา อูยุบ ภรรยาของนายพัฒนชิรพงฐ์ โพสต์เรื่องราวการเสียชีวิตของสามีบนเฟสบุ๊คส่วนตัว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

“รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ ควรเร่งยุติการใช้วิธีการที่มีความป่าเถื่อนและวัฒนธรรมการปล่อยให้คนผิดลอยนวล ซึ่งหมายความว่าเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดจะไม่ถูกลงโทษ” นายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียของฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวในแถลงการณ์ วันนี้

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตรนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นช.พัฒนชิรพงฐ์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับยาเสพติดเข้ามาในเรือนจำ จึงถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำเรียกตัวมาสอบสวนและลงโทษทางวินัย พร้อมกับผู้ต้องขังอีก 17 คน ในขณะที่ รายงานผลการชันสูตรเบื้องต้นจากโรงพยาบาลตำรวจ แจ้งสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากอาหารติดหลอดลม

“จากสภาพศพ ความรู้สึกแรก คือ ตายผิดธรรมชาติแน่ๆ ผมในฐานะหัวหน้าหน่วยเกิดความไม่สบายใจอย่างยิ่ง แล้วก็มีความต้องการที่จะตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมาที่สุด” พ.ต.อ.ณรัชต์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว พร้อมระบุว่า ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำมีส่วนในการกระทำเกินกว่าเหตุ จนทำให้ผู้ต้องขังเสียชีวิตหรือไม่

“กรมราชทัณฑ์ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน ที่จะยกเลิกการลงโทษที่โหดร้ายทารุณ รวมทั้งเน้นย้ำกำชับให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกระดับ กำกับดูแลและเลิกการกระทำดังกล่าวโดยเด็ดขาด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรมราชทัณฑ์มิได้นิ่งนอนใจ หากการตรวจสอบพบว่าผู้เกี่ยวข้องมีความผิดจริงก็จะดำเนินการตามวินัยและทางคดีอาญาต่อไป” อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว

ในเรื่องนี้ นายอนันต์ และนางมะลิ บุญญะเสมา บิดาและมารดาของ นช.พัฒนชิรพงฐ์ พร้อมด้วยนายชุติพงศ์ บุญเกิด ทนายความ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ และให้เจ้าหน้าที่หาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้

“พ่อ แม่ และภรรยาของผู้เสียชีวิต เชื่อว่าเป็นการทำให้ตาย เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีบาดแผล ร่องรอยตามร่างกาย จนเสียชีวิต ไม่ใช่การตายตามธรรมชาติ” นายชุติพงศ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ถึงแม้กรมราชทัณฑ์จะย้ายผู้บังคับการเรือนจำ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว แต่ครอบครัวเขายังไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าผู้กระทำความผิดมีจำนวนหลายคน และมีเรื่องอิทธิพลในเรือนจำด้วย” นายชุติพงศ์กล่าวเพิ่มเติม

ศพเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล

นางสาววนิชชา ภรรยาของนายพัฒนชิรพงฐ์ กล่าวว่า ตนไปเยี่ยมสามีเมื่อวันที่ 17 เมษายน ได้พบหน้าพูดคุยตามปกติ ไม่มีสัญญาณบอกเหตุใดๆ จนกระทั่งค่ำวันพุธที่ 18 เม.ย. นี้ ตนได้รับโทรศัพท์จากเรือนจำแจ้งว่าสามีเสียชีวิตแล้ว และเมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงรอยช้ำและบาดแผลต่างๆ ตามร่างกาย กลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ

“พอเห็นร่างที่นอนอยู่ หนูตกใจมาก... คำถามคือ ผู้คุมในเรือนจำมีสิทธิทำแบบนี้กับผู้ต้องขังได้เหรอ ทำร้ายร่างกายจนถึงความตายได้เหรอ” นางสาววณิชชา โพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว พร้อมรูปภาพของศพสามีที่ร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล

นางสาววณิชชา ยังได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้สามีจนถึงที่สุดตามกระบวนการยุติธรรม ไม่อยากให้สามีได้ตายฟรี แม้คนที่เป็นนักโทษที่อยู่ในเรือนจำไม่ได้แปลว่าเป็นคนเลวเสมอไป และสามีของตนก็เป็นนักโทษชั้นดี ใกล้จะได้ออกแล้ว

“จะเก็บศพไว้จนกว่าความจริงจะปรากฎว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ในเบื้องต้นจะให้มีการพิสูจน์ก่อนว่ามันไม่ใช่การสำลักอาหารอย่างที่เขาบอก” ภรรยา นช.พัฒนชิรพงฐ์ ระบุ

ด้านฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกแถลงการณ์ตำหนิการทารุณกรรมผู้ต้องขังจนเสียชีวิต ระบุว่า กรมราชทัณฑ์ดูแลผู้ต้องขังจำนวนมากกว่า 280,000 คนทั่วประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าหน่วยงานดังกล่าวจะไม่สามารถยับยั้งการทารุณกรรมผู้ต้องขัง และการใช้ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่เรือนจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผู้ต้องขังอีกคนได้เสียชีวิตจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม และนั่นแสดงให้เห็นว่า หน่วยราชการไทยยังคงล้มเหลวในการจัดการปัญหานี้” แบรด อดัมส์ ระบุในแถลงการณ์

“รัฐบาลไทยควรเร่งดำเนินการโดยเร่งด่วนที่จะพิสูจน์ว่า ไม่มีใครหนีรอดจากการข่มเหงผู้ต้องขัง แล้วไม่ต้องรับโทษทางอาญาได้... และรัฐบาลไทยควรทำให้เห็นว่าการเสียชีวิตของนายพัฒนชิรพงฐ์ จะเป็นกรณีสุดท้ายที่นักโทษถูกทำร้ายอย่างโหดร้ายในประเทศไทย” แบรด อดัมส์ กล่าวเพิ่มเติม

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังระบุอีกว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สัญญาว่าจะให้การทรมานเป็นความผิดทางอาญา แต่ยังไม่ได้ทำตามสัญญานั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ยุติการพิจารณา ร่าง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย และทางรัฐบาลยังไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าจะดำเนินการกับ ร่าง พรบ. ฉบับนี้ อย่างไร

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง