กลุ่มต้านรัฐฟื้นชื่อ “คณะราษฎร” ก่อนชุมนุมใหญ่สัปดาห์หน้า
2020.10.08
กรุงเทพฯ

ในวันพฤหัสบดีนี้ กลุ่มแกนนำการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ได้ประกาศการก่อกำเนิดของ “คณะราษฎร” ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มชนชั้นนำและทหารที่ยึดพระราชอำนาจจาก รัชกาลที่ 7 เมื่อครั้งปี พ.ศ. 2475 ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งจะเดินหน้าจัดประท้วงตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2563 ไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะกดดันให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ให้รัฐสภารับร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ในตอนบ่ายวันนี้ ที่ท้องสนามหลวง แกนนำการประท้วงที่เดิมใช้ชื่อว่า “เยาวชนปลดแอก” ที่มีกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนาม “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” รวมทั้ง นายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เป็นผู้นำการประท้วงเป็นรายหลัก ได้จัดแถลงข่าวถึงการเตรียมการในการประท้วงครั้งใหญ่ ที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ โดยได้รื้อฟื้นนามคณะราษฎรขึ้นมาอีกครั้ง
“คณะราษฎรไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงอยู่ในหัวใจของราษฎรทุกคนที่รักในประชาธิปไตย ณ สนามราษฎร์เวลานี้ คณะราษฎรได้ก่อกำเนิดอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายเพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง” กลุ่มแกนนำ อ่านแถลงการณ์ที่สนามหลวง ที่ทางกลุ่มผู้ประท้วงเปลี่ยนชื่อเป็น “สนามราษฎร์”
“รัฐบาลประยุทธ์ได้บริหารประเทศและเข้าสู่อำนาจอย่างหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อว่าสถานการณ์ยังอยู่ในการณ์ปกติ แท้จริงแล้วเศรษฐกิจกำลังพังพินาศ หลายล้านชีวิตต้องอดอยาก ในขณะที่ชนชั้นศักดินา นายทุน และนายพล สุขสบายบนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน เมื่อรัฐบาลไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องใดที่ผู้ชุมนุมก่อนหน้านี้ได้ประกาศไว้ เราในฐานะราษฎร และในนามคณะราษฎร ขอประกาศจัดการชุมนุม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน วันที่ 14 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป” กลุ่มแกนนำระบุ
ทั้งนี้ ทางกลุ่มได้ประกาศข้อเรียกร้อง ดังนี้ “1. ประยุทธ์ต้องออกไปจากการเป็นนายกรัฐมนตรี 2. เปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจากประชาชน 3. ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นำสถาบันกษัตริย์กลับมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตาม ครรลองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง”
“ข้อเรียกร้องข้างต้นมิใช่การล้มล้างการปกครอง หากแต่เป็นการทำให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง เพื่อมิให้ต้องมีผู้ต้องอดอยากแร้นแค้น สูญเสียโอกาส สูญเสียอนาคต จากการบริหารที่ผิดพลาดและกฎกติกาที่บิดเบี้ยว ขอราษฎรทั้งผองจงมาร่วมกัน” นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หนึ่งในแกนนำอ่านแถลงการณ์
แกนนำที่ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ นายทัตเทพ เรืองประกิจเสรี และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา เป็นต้น ระบุว่า เหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่อกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเพราะว่าในขณะนี้มีกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมการประท้วงประมาณ 30 กลุ่มนับเป็นการรวมตัวของประชาชนทั้งประเทศ
ทั้งนี้ นายอานนท์ กล่าวว่า จะเริ่มชุมนุมตั้งแต่บ่ายสองโมงของวันที่ 14 ตุลาคม นี้ โดยจะชุมนุมข้ามคืนและไม่มีกำหนดเลิกการชุมนุม ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมชุมนุมไม่น้อยกว่าการชุมนุมประท้วง เมื่อวันที่ 19 ถึง 20 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งจะอภิปรายถึงปัญหาโดยรวม
“กิจกรรมแรกที่เราจะทำคือ ทวงคืนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะเราเห็นว่า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นของประชาชนมาแต่เดิม ถูกรัฐเผด็จการนำไปใช้โดยเจตนากลั่นแกล้ง ใช้ต้นไม้ซึ่งไม่ได้มีความสวยงามไปประดับตกแต่ง เพื่อไม่ให้เราใช้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสถานที่เป็นสัญลักษณ์ ในการชุมนุม 14 ตุลาคม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะกลับมาเป็นของประชาชน จะไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ ทั้งสิ้น นั่นคือกิจกรรมแรก” นายอานนท์กล่าว
นอกจากนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายอานนท์ว่า ในวันนั้นจะมีขบวนเสด็จของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยังวัดพระศรีมหารัตนศาสดาราม นายอานนท์กล่าวว่า ทางผู้ชุมนุมจะไม่ขวางทางเสด็จพระราชดำเนินแต่อย่างใด
“ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เราไม่มีเจตนาไปขวางขบวนเสด็จฯ เพราะเราได้ประกาศไปล่วงหน้าก่อนแล้ว และช่วงที่มีขบวนเสด็จฯ เราคาดว่าประชาชนก็อาจจะยังไม่เต็ม รถประชาชนทั่วไป รถเมล์ รถแท็กซี่ผ่านได้ รถขบวนเสด็จฯ ก็สามารถผ่านได้ปกติไม่มีอะไร”
นายอานนท์ ยังได้เชิญชวนคนทุกกลุ่มที่มีความเห็นร่วมกันในข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ตั้งแต่นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน เสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส. นักการเมือง พรรคการเมือง ที่เห็นด้วยออกมารวมกันเพราะการเปลี่ยนแปลงต้องการพลังจำนวนมาก
ในวันนี้ ทางรัฐบาลได้ประชุมเรื่องมาตรการรับมือการชุมนุมตามแผนเผชิญเหตุและการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำคนเสื้อแดงกล่าวว่า ตนได้ติดต่อกับนักการเมืองเสื้อแดงและแกนนำ เพื่อขอให้งดการสนับสนุนการชุมนุม โดยนายสุภรณ์ กล่าวว่า หากมีการสนับสนุนดังกล่าวเกิดขึ้น ก็จะเปิดเผยต่อสาธารณชน
“หากมีหลักฐานชัดเจนที่เปิดเผยตัวบุคคลได้ เราก็จะเอามาเปิดเผย” นายสุภรณ์ กล่าวและยังได้เตือนให้ผู้ชุมนุมตระหนัก