ตำรวจนราธิวาสบุกบ้านยึดอาวุธสงคราม ผู้ต้องสงสัยลอบยิงพ่อค้ายาง

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2017.02.15
นราธิวาส
TH-gun-620 เจ้าหน้าที่สนธิกำลังตำรวจ สภ.ระแงะ และทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจที่ 45 ตรวจยึดอาวุธสงครามในบ้านของผู้ต้องสงสัย ที่ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ นราธิวาส วันที่ 15 ก.พ. 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธ (15 กุมภาพันธ์ 2560) นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร(สภ.)อำเภอระแงะ จ.นราธิวาส เปิดเผยความคืบหน้า ผลการตรวจยึดอาวุธสงคราม และยานพาหนะซึ่งเชื่อว่าเป็นของกลางที่ใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ จ.นราธิวาส และมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุลอบยิงพ่อค้ายางพารา ในเขตอำเภอเมือง เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560

พ.ต.ท.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน สภ.ระแงะ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตรวจสอบข้อมูลการก่อเหตุลอบยิงในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้นายปกรณ์ ลิปิการวงศ์ อายุ 66 ปี พ่อค้ายางพารา และนายอุสมาน สะหะบูดิง อายุ 24 ปี เสียชีวิต

และพบความเชื่อมโยงซึ่งนำมาสู่การบุกเข้าตรวจยึดอาวุธสงครามวานนี้

“สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2560 ที่คนร้ายใช้อาวุธสงครามบุกยิงเถ้าแก่รับซื้อยางพาราเสียชีวิต และมีชาวบ้านถูกลูกหลงเสียชีวิตอีก 1 คน ในเขต อ.เมือง จ.นราธิวาส ตำรวจ สภ.ระแงะ ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่า มีบุคคลต้องสงสัยซุกซ่อนอาวุธสงคราม และยานพาหนะที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีนี้จึงได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจที่ 45 ตรวจค้นบ้านเป้าหมาย เลขที่ 83/2 บ.บาโงสะโต ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 60”  พ.ต.ท.เจฟฟรีย์กล่าว

“เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึด 1.อาวุธปืนเอ็ม 16 หมายเลขประจำปืนถูกขูดลบทำลาย 2.ซองกระสุน 3.กระสุนปืน และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีเทาดำ รุ่นสเตป 125 ซีซี ได้ในบ้านพักหลังดังกล่าว พบนางนูรีดา ครูแวอีแก อายุ 36 ปี ภรรยาของผู้ต้องสงสัย ขณะที่ผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปได้” พ.ต.ท.เจฟฟรีย์ระบุ

พ.ต.ท.เจฟฟรีย์เพิ่มเติมว่า จากการสอบปากคำนางนูรีดา ภรรยาเจ้าของบ้าน ทำให้ทราบว่า อาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้เป็นของ นายมูฮัมมัด เลาะหะมะ อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นสามี  และจากการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่สามารถยึดได้พบ ส่วนของถังน้ำมันถูกดัดแปลงเป็นพิเศษ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำหลักฐานทุกอย่างไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่กองพิสูจน์หลักฐาน เขต 10 เพื่อหาความเชื่อมโยงกับคดีความมั่นคงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และจะได้ดำเนินการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอีกด้วย

กองทัพภาคที่ 4 หารือใช้วัฒนธรรมแก้ปัญหาไฟใต้

ในวันเดียวกันที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้มีการจัดเวทีความร่วมมือสร้างสันติสุข “ประชาคมอาเซียน กับกระบวนการเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม นำสู่สันติสุข จชต.” โดยกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนำความคิดเห็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมมาใช้ทำความเข้าใจ และแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยภายในงานมีผู้นำศาสนาอิสลาม กลุ่มชาวพุทธ กลุ่มสตรี กลุ่มพลังมวลชน และประชาชนเข้าร่วมกว่า 500 คน

นายสุรพร พร้อมมูล รองผู้ว่าราชการ จ.นราธิวาส กล่าวว่า เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลลักษณะนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ได้ในอนาคต

“การจัดเวทีเสวนาพหุวัฒนธรรมในครั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่ดี ให้ทุกคนทุกฝ่ายได้พบกันสอบถาม และร่วมคิดร่วมทำ บนพื้นฐานที่อยู่ร่วมกันในพื้นที่ในความแตกต่างของพหุวัฒนธรรม ซึ่งเชื่อว่าหาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่องจะเกิดผลดีอย่างแน่นอน สำหรับพื้นที่ นราธิวาส มี 13 อำเภอจะจัดให้ครบทุกเวที เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผลนำสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสงบสุขต่อไป” นายสุรพรกล่าว

ด้าน พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เปิดเผยว่า การเปิดพื้นที่ให้กับประชาชนทุกฝ่าย รวมถึงผู้ที่เห็นต่างจะประสบความสำเร็จ และเชื่อว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบสันติวิธี

“เปิดพื้นที่ให้ประชาชนทุกฝ่ายร่วมถึงผู้เห็นต่างจากรัฐมาร่วมแสดงความเห็นในเวที ที่ กอ.รมน.ภาค 4 จัดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบตลอดระยะเวลา 13 ปี สร้างความบอบช้ำ มีประชาชนเจ้าหน้าที่เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ทุกฝ่ายต้องหาทางออกด้วยสันติวิธี หันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยหรือเจรจา เพื่อให้เกิดความสงบสุข” พ.อ.ไพศาลกล่าว

“ฝากประชาสัมพันธ์ ถึงผู้หลงผิดที่ยังหลบหนีอยู่ให้กลับมา ซึ่งกองทัพภาค 4 พร้อมให้ผู้หลงผิดเข้าโครงการนำคนกลับบ้าน กลับมาอยู่กับครอบครัวร่วมสร้างสันติสุข ภาครัฐต้องปรับเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่จะได้ไม่เกิดความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งปัจจุบันยังขาดการเชื่อมต่อการประชาสัมพันธ์ที่ดีเข้าถึงประชาชนอยู่” พ.อ.ไพศาลเพิ่มเติม

และที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี คณะผู้แทนองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) หรือ Organisation of Islamic Cooperation - OIC เข้าร่วมประชุมรับฟังบรรยายสรุป จาก กอ.รมน.4 ตำรวจ และ ศอ.บต.ที่โรงแรมเอสซี รวมทั้งเยี่ยมชมสถาบันฮาลาล และสถาบันวัฒนธรรมศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในระหว่างวันที่ 15-17 ก.พ. นี้ โดยข้อมูลที่ได้จากการร่วมประชุม และเยี่ยมชมพื้นที่ ผู้แทนไอโอซีจะได้นำรายงานต่อที่ประชุมสหประชาชาติต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง