โรฮิงญา 21 คน แหกคุก ตม.พังงา จับแล้ว 2 วิสามัญ 1

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.05.23
กรุงเทพฯ
TH-rohingya-620 ภาพเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสถานที่กักกันชาวโรฮิงญา บนเทือกเขาแก้ว ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2558
เบนาร์นิวส์

เมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ (23 พฤษภาคม 2559) นี้ ผู้ต้องขังชาวโรฮิงญาจำนวน 21 คน ได้หลบหนีออกจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา โดยระหว่างหลบหนีได้มีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงถูกวิสามัญฆาตกรรม 1 ราย ถูกจับกุม 2 ราย ส่วนที่เหลือยังคงหลบหนีอยู่

พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง ผู้บังคับการสำนักงานตำรวจภูธร จังหวัดพังงา เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า ผู้ต้องขังชาวโรฮิงญาทั้งหมดได้หลบหนีออกมาโดยใช้ใบเลื่อยตัดลูกกรงเหล็กห้องขัง ระหว่างหลบหนีได้พยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้ปืนยิงต่อสู้

“มีคนนึงเสียชีวิต เนื่องจากต่อสู้ขัดขวางตำรวจ ตำรวจก็วิสามัญ มีการอยู่บนที่สูงกว่าตำรวจจะขึ้นไปจับก็เอาหินทุ่มลงมาตำรวจก็จำเป็นต้องยิงสวนไป” พล.ต.ต.วรวิทย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์

“ลักษณะหนีนี่ดูแล้ว เบื้องต้นไม่มีใครพาหนี แต่ว่าไม่รู้ใบเลื่อยมาได้ยังไง ดูแล้วไม่มีคนพาหนี ไม่มีรถ ไม่มีใครมารับ หนีปีนเขา” ผบก.ภ.จว.พังงา กล่าวเพิ่มเติม

การหลบหนีของชาวโรฮิงญาเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. ของวันจันทร์ ที่ห้องคุมขังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงา ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมือง พังงา โดยผู้คุมขังได้ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กลูกกรงและปีนหนี หลังจากนั้น ชาวโรฮิงญาทั้งหมดได้มุ่งหน้าขึ้นเขาทอย ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง

เมื่อทราบเรื่องการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ประสานขอกำลังตำรวจจาก สภ.พังงา เพื่อให้ช่วยสกัด โดยได้กระจายกำลังตำรวจเข้าปิดล้อมเขาทอย แต่ผู้คุมขังพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยการทุ่มหินลงจากเนินเขา ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงสวน จนทำให้ผู้ต้องขังคนดังกล่าวตกลงจากเนินเขาสูงประมาณ 15 เมตร เสียชีวิต 1 คน และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ 2 ราย หลบหนีไปได้ 18 ราย

ชาวโรฮิงญาทั้งหมดที่ถูกกักตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดพังงานี้ บางส่วนเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้กักตัวไว้ เพื่อผลักดันสู่ประเทศที่ 3 สำหรับแรงจูงใจในการหลบหนีนั้น ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

ปัจจุบันมีชาวโรฮิงญา ถูกกักตัวอยู่ในประเทศไทยราว 400 คน ตามตัวเลขอ้างอิงโดยองค์กรฟอร์ติไฟไรส์

ตั้งแต่ช่วงประมาณปี 2548 เป็นต้นมา ชาวโรฮิงญาที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา แต่ไม่มีสถานะเป็นพลเมืองของประเทศ และมีความขัดแย้งกับชาวยะไข่ที่เป็นพลเมืองของเมียนมา ได้หลบหนีออกมา เพื่อเดินทางไปหางานทำในประเทศมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนั้น หลังจากมีสงครามระหว่างชุมชน ชาวโรฮิงญากว่าแสนรายถูกจัดให้อยู่แต่เฉพาะในแหล่งพักพิงที่มีสภาพไม่เหมาะสม

การอพยพย้ายถิ่นออกนอกประเทศ ได้ก่อเกิดเป็นขบวนการค้ามนุษย์ขึ้น โดยนายหน้าชาวโรฮิงญา นำพาคนของตนส่วนหนึ่งเดินทางออกมา ผ่านประเทศไทยไปยังมาเลเซีย โดยคิดค่าหัว เมื่อไม่มีเงินจ่ายค่านำพา ก็จะถูกสังหารโหด ดังที่เกิดขึ้นตามสองฝั่งแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย จนเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั่วโลก เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง