ครูโรงเรียนอัมพวนารามสองรายถูกย้าย เพราะสะเพร่าจัดอาหารที่มีเนื้อหมูให้นักเรียนมุสลิม

ในวันศุกร์ (20 พ.ย. 2558) ที่ประชุมเพื่อการคลี่คลายปัญหา ที่ครูโรงเรียนอัมพวนารามให้นักเรียนและผู้ปกครองมุสลิมรับประทานอาหารที่มีเนื้อหมู ในระหว่างการทัศนศึกษา ที่กรุงเทพ ได้มีมติให้ ครูทั้งสองคนย้ายออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว ในระหว่างรอการสอบสวน

โดยนายลือชัย เจริญทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางมายังอำเภอยะรัง เพื่อประชุมกับเจ้าหน้าที่อำเภอยะรัง ผู้กำกับการสถานีตำรวจ อ.ยะรัง รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจ 22 และนายอรรถสิทธิ์ รัตนแคล้ว ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการศึกษา ปัตตานีเขต 2 รวมทั้ง นายมูฮัมมัดสะแปอิง บาบูมาเราะ ประธานอิหม่ามอำเภอยะรัง นายมูฮัมมัดเปาซี โต๊ะฮีเล ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อำเภอยะรัง นายอาลี เจ๊ะแว กำนัน ตำบลเมาะมาวี และเป็นกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนวัดอัมพวานาราม

ในเรื่องนี้นายมะแอ ดอเลาะ ชาวบ้านจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ในเฟสบุ๊ค และในไลน์ ว่าครูของโรงเรียนวัดอัมพวนาราม พานักเรียนชั้นประถมปีที่ 1-3 ไปทัศนศึกษาที่กรุงเทพฯ เมื่อไม่นานมานี้ แต่ครูที่พาไปทั้ง 6 คน ไม่ได้เป็นมุสลิม จึงไม่ได้มีการระมัดระวังเรื่องการซื้อหาอาหารให้นักเรียนละผู้ปกครองมุสลิม

“...เด็กและผู้ปกครองเป็นมุสลิม ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีครูมุสลิมไปเลย ตอนไปอยู่ที่โน่น ก็เห็นว่ากินข้าวกับกุ้ง ปลา แต่ก็ไม่รู้มีฮาลาลหรือเปล่า” นายมะแอกล่าวอ้างถึง

“อาหารที่จัดมา เด็กและผู้ปกครองดูก็คิดว่าเหมือนเนื้อวัว แต่ครูที่ดูแลบอกว่าเป็นเนื้อไก่กินได้” นายมะแอกล่าวเพิ่มเติม

นายมะแอ กล่าวอีกว่า ผู้ปกครองมุสลิมทราบว่าเป็นเนื้อหมูไม่ใช่เนื้อไก่ ก็ต่อเมื่อได้กลับมาถึงบ้านแล้ว เพราะว่าผู้ปกครองที่นับถือศาสนาพุทธได้ตอบคำถามให้ทราบ โดยที่ตนเองได้กินไปแล้วด้วย จึงได้ไปบอกผู้นำและคณะกรรมการอิสลาม

ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ผู้ปกครองและชาวบ้านตำบลยะรัง จำนวนหนึ่ง ได้พยายามขับไล่ครูออกจากพื้นที่

ในการประชุม มีข้อสรุปให้ย้ายครูทั้งสองรายไปช่วยราชการในพื้นที่อื่น ในสามจังหวัดชายแดนเป็นการชั่วคราว

ต่อมาวันเดียวกัน 20 พฤศจิกายน 2558  พระมหาเจรียง โฆสธมุโม เลขาธิการเครือข่ายพุทธธรรมนำสันติสุข ได้ออกแถลงการณ์ขอความเป็นธรรมให้ครูโรงเรียนวัดอัมพวนาราม ตำบลยะรัง อำเภอยะรัง ปัตตานี ว่า

“ให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนความจริงในเรื่องนี้ ซึ่งประกอบด้วยชาวพุทธอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง ไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายครูทั้งสองท่าน เพื่อลดกระแส ซึ่งในความเป็นจริง จะต้องได้รับข้อเท้จจริงที่ครบถ้วนก่อนและมีบทลงโทษที่ชัดเจน”

“เมื่อเกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งในระหว่างศาสนิกต่างศาสนา จะต้องมีกระบวนการแก้ปัญหาแบบพิเศษ โดยให้มีผู้นำศาสนาทั้งสองฝ่าย เข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เพราะถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ว่าข้อเรียกร้องทั้งหมดจะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม และนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ชอบธรรม เพื่อนำไปสู่สังคมสันติสุขอย่างแท้จริง” พระมหาเจรียง กล่าว

ด้านหน่วยข่าวกรองในพื้นที่ กล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากโดยเฉพาะเมื่อเกิดในภาคใต้ น่าเป็นห่วงครู เพราะอาจมีผู้ไม่หวังดีนำเรื่องมาขยายเพิ่ม และทำให้มีการทำร้ายครู โดยเฉพาะครูที่สร้างปัญหาอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังให้เป็นพิเศษ ในการใช้ชีวิตประจำวันต่อไป”