เจ้าหน้าที่คุมตัว 5 ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุยิงวัดเทพนิมิต ปะนาเระ

มารียัม อัฮหมัด
2019.02.21
ปัตตานี
190221-TH-temple-shooting-650.jpg ชาวไทยพุทธ-มุสลิม ร่วมกันแห่ช้าง ก่อนเข้าไปช่วยกันสร้างกุฏิให้กับพระ ในวัดเทพนิมิต อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี วันที่ 19 ก.พ. 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในวันพฤหัสบดีนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 5 ราย ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิงใส่วัดเทพนิมิต อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวานนี้ ซึ่งทำให้หลังคากุฏิเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่นำตัวบุคคลทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการซักถาม และเก็บหลักฐานต่อไป ซึ่งนับเป็นครั้งที่สอง เพราะวัดเทพนิมิต เคยตกเป็นเป้าของกลุ่มก่อความไม่สงบ เมื่อมกราคม 2557 มาแล้ว

เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง (สงวนชื่อและนามสกุล) เปิดเผยว่า ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพื่อติดตามไล่ล่าผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่า ก่อเหตุใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่วัดเทพนิมิต หรือวัดบ้านกลาง หมู่ 5 ต.บ้านกลาง อ.ปะนาเระ ซึ่งกระสุนถูกหลังคากุฏิหลังเก่าได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

“สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยยิงใส่วัด มาทำการเก็บดีเอ็นเอ และคราบเขม่าดินปืนจำนวน 5 ราย เจ้าหน้าที่ขอสงวนรายชื่อนามสกุล ก่อนนำส่งศูนย์ซักถามหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำ และตรวจหาหลักฐานความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ยิงถล่มวัด” เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรายดังกล่าว ระบุ

สำหรับเหตุยิงวัดเทพนิมิต เกิดขึ้นในวันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 19.30 น. พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร อ.ปะนาเระ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงเข้าในวัดเทพนิมิต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

“ขณะเกิดเหตุมีพระจำวัดอยู่ 5 รูป แต่พระอาจารย์เรวัต ถิรสัทโธ หรือท่านเวาะ เจ้าอาวาส ไม่ได้อยู่ที่วัด กำลังเดินทางไปปฏิบัติกิจที่กรุงเทพฯ แต่ลืมเอกสารบางอย่าง จึงได้เดินทางกลับมาที่วัด แต่ระหว่างทางทราบข่าวคนร้ายยิงใส่วัด เมื่อกลับถึงวัดแล้ว จึงงดเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่ออยู่ดูแลความเรียบร้อย” พ.ต.อ.นฤชา กล่าว

“เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 62 ที่ผ่านมา พี่น้องไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ได้ร่วมกันสร้างกุฏิให้พระอาจารย์เรวัต ถิรสัทโธ” พ.ต.อ.นฤชา กล่าวเพิ่มเติม

วัดเทพนิมิต เดิมมีสภาพรกร้าง เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบ ต่อมาพระอาจารย์เรวัต ถิรสัทโธ ที่มีพื้นเพเป็นชาวอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และบวชมานานกว่า 30 พรรษา ได้ธุดงค์ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสวัดเทพนิมิต จึงได้ปฏิสังขรณ์วัดจนเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ต่อมา มีชาวบ้านทั้งพุทธและมุสลิมช่วยกันสร้างกุฏิพระถวาย

ทั้งนี้ วัดเทพนิมิต เคยตกเป็นเป้าของกลุ่มก่อความไม่สงบมาแล้ว เมื่อเดือนมกราคม 2557 คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถล่มรถของทหารพรานชุดคุ้มครองพระวัดเทพนิมิต ขณะออกบิณฑบาต ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และพระสงฆ์มรณภาพ 1 รูป

พระอาจารย์เรวัต ถิรสัทโธ อายุ 53 ปี เปิดเผยว่า ในอดีตภาพการช่วยเหลือกันของคนต่างศาสนิกเป็นภาพที่ชินตา ชาวไทยพุทธร่วมงานของชาวมุสลิม และคนมุสลิมก็ช่วยงานของชาวไทยพุทธ ไม่มีแบ่งแยกด้วยเหตุผลของความแตกต่าง แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ มีความพยายามทำให้เกิดความแตกแยก จึงอยากให้ทุกศาสนา ทุกฝ่ายใช้สติในการคิดทบทวน เพื่อสร้างสังคมที่มีความสงบสุขให้กลับมาอีกครั้ง

"ชาวบ้านที่นี่อยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี และให้เกียรติกันระหว่างศาสนา มุสลิมมาช่วยกันสร้างกุฏิ เพราะในวัดตอนนั้นมีอยู่กุฏิเดียว เกือบจะพังแล้ว เมื่อฉันมาเป็นเจ้าอาวาส พวกเขาจึงมาช่วยกันสร้างกุฏิหลังใหม่ เราช่วยกันทั้งพระ ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ บางที 4 ทุ่ม ยังทำกันอยู่เลย หลักการของอัลลอฮ์บอกว่า ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องของที่วัด (การช่วยกันสร้างกุฏิ) ไม่ใช่การทำอิบาดะฮ์ (สักการะต่ออัลลอฮ์ การปฏิบัติตามคำสั่งห้ามของอัลลอฮ์) แต่เป็นเรื่องของความสามัคคีกัน” พระอาจารย์เรวัต กล่าว

“เขามาช่วยด้วยหัวใจ คนไม่พอใจก็ว่าไปก้าวก่ายศาสนา แต่ฉันพูดกับคนที่เข้าใจ คนที่เขาฟัง เป็นบททดสอบที่ทำให้เกิดปัญญา เมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันมาดีๆ ไม่เคยมีการยิงกันในมัสยิด ไม่เคยยิงกันในวัด ไม่มีการฆ่าพระ ไม่มีการฆ่าครู เผาโรงเรียน ไม่มีใครไปยิงคนที่กำลังละหมาดในมัสยิด อยากให้กลับไปมองเมื่อวานว่าการอยู่อย่างสามัคคีอยู่กันอย่างไร เป้าหมายขอเพียงแต่เราอยู่ด้วยกันได้ก็เพียงพอ" พระอาจารย์เรวัต กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายซูลกิฟลี ดอเลาะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ได้มาช่วยงานซ่อมกุฏิ งานปฏิสังขรณ์ที่วัดบ้านกลาง เป็นการช่วยเหลือกันระหว่างพี่น้องไทยพุทธกับมุสลิม นับเป็นสิ่งยืนยันว่าเราคือพี่น้องกัน

"แต่เดิมเราเคยอยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ณ วันนี้ บ้านเมืองเราต้องการความร่วมมือตรงนี้ ส่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้น ชาวบ้านมากมายต่างรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มาวันนี้ ภาพความรุนแรงเบาบางลง ในอนาคตพี่น้องไทยพุทธกับมุสลิมต้องกลับมาอยู่ร่วมกัน ไปมาหาสู่กันได้เหมือนในอดีต" นายซูลกิฟลี กล่าว

ศาลยะลา พิพากษาจำคุกสามจำเลยคดีความมั่นคง ตลอดชีวิต

เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรายหนึ่ง เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ศาลชั้นต้นจังหวัดยะลา ได้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อ.942/61 โดยมีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายนูวา ปาเนาะ จำเลย จากเหตุการณ์ ผู้ก่อการร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ เหตุเกิดที่บ้านคลองชิง หมู่ 8 ต.บาละ อ.กาบัง จ.ยะลา เมื่อ 8 มกราคม 2552 ในข้อหาก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ฐานฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ความผิดพ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด

โดยเจ้าหน้าที่ท่านดังกล่าว ได้อ้างถึงคำพิพากษาว่า ศาลวิเคราะห์จากพยานหลักฐานเชื่อว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้องโจทก์ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการ ประกอบกับการเบิกความของผูใหญ่บ้าน ว่ารู้จักกับจำเลยก่อนวันเกิดเหตุ เนื่องจากอยู่หมู่บ้านใกล้กันและในวันเกิดเหตุพยานอยู่ในที่เกิดเหตุและมองเห็นหน้าจำเลย ประมาณ 2 นาที ก่อนที่จะมีการปะทะ รวมทั้งจำเลยได้นำเจ้าหน้าที่เข้าไปพิสูจน์ทราบพื้นที่เก็บอาวุธและเสบียงอาหารตามคำให้การ ศาลจึงเชื่อว่าจำเลยมีความผิดจริงตามฟ้อง

ในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นจังหวัดยะลา ได้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อ.372/61 และ อ.876/61 โดยมีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายอับดุลเลาะ เจ๊ะสะมาแอ จำเลยที่ 1 และ นายแวมะยูกี สือเมาะ จำเลยที่ 2 จากเหตุการณ์เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง ต.พร่อน – ต.ลิดล อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ 7 เมษายน 2560 ข้อหาก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร พ.ร.บ.อาวุธปืนและวัตถุระเบิด

“ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 15 ปี นายแวมะยูกี สือเมาะ และนายอับดุลเลาะ เจ๊าะสะมะแอ ความผิดก่อการร้ายฯ อั้งยี่ และมีวัตถุระเบิด แต่นายอับดุลเลาะ เจ๊ะสะมะแอ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือ จำคุก 9 ปี 12 เดือน และขังจำเลยทั้ง 2 คน ไว้ในระหว่างอุทธรณ์” เจ้าหน้าที่รายเดิมระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง