อสส. ร้องศาลฯ ขอรื้อฟื้นคดี “ทักษิณ” ขึ้นพิจารณาใหม่ 2 สำนวน

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2017.11.21
กรุงเทพฯ
171121-TH-thaksin-620.jpg ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในระหว่างการสัมภาษณ์ ในนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2559
เอเอฟพี

ในวันนี้ (21 พ.ย. 2560) นายวันชาติ สันติกุญชร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงมติฯ ให้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ตกเป็นจำเลยจำนวน 2 สำนวน ให้กับศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในการดำเนินการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยตามกฎหมายใหม่

“เป็นหน้าที่ของ อสส.ในการปฏิบัติตามกฎหมายไม่ได้เลือกปฏิบัติ เราได้ตรวจสอบคดีทั้งหมดที่มีการจำหน่ายคดี ก็มาตกที่คดีของคุณทักษิณทั้งสองคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา และเท่าที่ทราบไม่ได้มีแค่สองคดีนี้เท่านั้น ยังมีหน่วยงานอื่นที่ดำเนินการอยู่ด้วย” นายวันชาติ โฆษกอัยการ แถลงต่อผู้สื่อข่าว

นายวันชาติ ให้รายละเอียดว่า หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มีผลบังคับใช้เมื่อ วันที่ 24 กันยายน พ.ศ.2560 ในการให้อำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถดำเนินกระบวนการพิจารณาได้โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย (ลับหลัง)

คณะทำงานพิจารณาสำนวนคดี ได้ร่วมกันตรวจสอบคดีของอดีตนักการเมืองของศาลฯ พบว่า มีคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตกเป็นจำเลยจำนวน สองสำนวน คือ คดีทุจริตการออกกฎหมายแปลงสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต และคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งศาลฯ ได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากจำเลยอยู่ระหว่างการหลบหนี

ซึ่งนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุดได้เห็นพ้องกับมติของคณะทำงาน ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฯ เพื่อยกเลิกคำสั่งการจำหน่ายคดีชั่วคราวทั้งสองสำนวน เพื่อดำเนินกระบวนการพิจารณาลับหลัง

“ในวันนี้ พนักงานสำนักงานอัยการดีพิเศษที่รับผิดชอบเรื่องคดีทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย และคดีทุจริตการออกกฎหมายแปลงสัมปทานฯ เป็นภาษีสรรพสามิต ได้นำคำร้องไปยื่นต่อศาลฯ ให้ดำเนินคดีต่อไปโดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยตาม พรป. และศาลฯ ได้รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว” นายวันชาติ กล่าว

สำหรับการยื่นคำร้องของอัยการดังกล่าว นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้เป็นตัวแทนในการนำคำร้องยื่นต่อศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง ในช่วงเช้าวันอังคาร โดยได้กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายเข็มชัย อัยการสูงสุด ในการยื่นคำร้องฯ ที่มีความยาวประมาณ 5-6 หน้ากระดาษ บรรยายถึงเหตุผลในการร้องขอให้มีการพิจารณาคดีจากที่ถูกจำหน่ายไว้ชั่วคราว เนื่องจากมีการเเก้ไขกฎหมายใหม่

หลังจากนี้ องค์คณะผู้พิพากษาของศาลฯ จะได้มีการประชุมเพื่อทำความเห็นและมีคำสั่งต่อไปว่าจะเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ และหากมีคำสั่งเห็นควรยกเลิกการจำหน่ายคดี กระบวนการสืบพยานในศาลก็จะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งระหว่างนั้น อดีตนายกฯ สามารถแต่งตั้งทนายเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา

ในการติดตามจับกุมตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ โฆษกอัยการกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง คือ กรมสวบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพราะเป็นเจ้าของสำนวน

นอกจากนี้ โฆษกอัยการสูงสุด ยังได้กล่าวถึงอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณ ที่หนีคำพิพากษาจำคุก 5 ปี ในคดีทุจริตข้าวว่า ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่านางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีไปอยู่ที่ใด

เนื่องจากกฎหมายการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560  ฉบับนี้ ออกมาภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำการยึดอำนาจมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำให้มีหลายฝ่ายแสดงความกังวลว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีจุดประสงค์ในการมุ่งตามล้างตระกูลชินวัตร

เบนาร์นิวส์ไม่สามารถติดต่ออดีตนายกฯ ทักษิณ เพื่อขอความเห็นในประเด็นดังกล่าวได้ แต่นายสมคิด เชื้อคง อดีต สส. สังกัดพรรคเพื่อไทย กล่าวกับผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ทางโทรศัพท์ ว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อเอาผิดกับคนกลุ่มเดียว

“เป็นการตามล้างตามเช็ดด้วยความเกลียดชัง ในขณะที่รัฐบาล ผู้มีอำนาจบอกจะปรองดอง แต่ออกกฎหมายที่แย่ ต่อไปรัฐบาลไหนโกรธกันก็ออกกฎหมายใหม่ย้อนเอาผิดอีกฝ่ายจะไม่วุ่นนวายหรือ? ถ้ามีรัฐบาลใหม่มาออกกฎหมายย้อนเอาผิดคุณประยุทธ์ จะไม่วุ่นวายหรือ? ผมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ ไม่ว่าผู้ที่ถูกกระทำจะเป็นชินวัตรหรือไม่เป็นชินวัตร ก็ตาม” นายสมคิด เชื้อคง กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง