ศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับสี่นักค้ามนุษย์ หลอกแรงงานหญิงไปมาเลเซีย
2017.02.09
ปัตตานี

พ.ต.ต.วีระ แก้วมณี สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ในวันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2560) ว่า ศาลจังหวัดนาทวี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับค้ามนุษย์แล้ว 4 ราย ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงหญิงสูงอายุ ในสามจังหวัดชายแดนใต้ไปทำงานโดยผิดกฎหมายในมาเลเซีย
พ.ต.ต.วีระ กล่าวว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับค้ามนุษย์ 4 ราย ที่ศาลจังหวัดนาทวีอนุมัติหมายจับ ไปเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560 คือ นายอับดุลนาเซะ (หรือ นาเซ วาเด็ง) นางรอสือนะ ลาเต๊ะ และ (หรือรู้จักกันในกลุ่มจัดหาแรงงานว่า กะนี) นายอับดุลเลาะห์ ดอเลาะ และ รายที่สี่ นายสาแฮะอัลลียะห์ เหมหมะ
"นายสาแฮะอัลลียะห์ เหมหมะ เจ้าหน้าที่จับตัวได้เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ฝากขังที่ศาลนาทวี 6 วันแล้ว ส่วนอีก 3 คน ทราบว่ายังอยู่ในมาเลเซีย ตอนนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับทางการมาเลอยู่ หรือถ้าทั้ง 3 คน ออกมาจ๊อบพาสปอร์ต ที่ด่านเจ้าหน้าที่ ตม.ก็จะควบคุมตัวทันที" พ.ต.ต.วีระ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
ศาลจังหวัดนาทวี ระบุในหมายจับว่าผู้ต้องหาตามหมายจับค้ามนุษย์ 4 ราย ผู้ต้องหามีพฤติกรรมสมคบและร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยมีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในรูปแบบการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การเอาคนไปขอทานและการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน อันเป็นการขูดรีดบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
นายมะสุกรี เจ๊ะเหาะ สามีของ นางซิติอาซิเสาะ ลาเต๊ะ หญิงหนึ่งใน 9 ราย ที่ยังถูกควบคุมตัวที่บ้านพักฉุกเฉิน รัฐยะโฮร์บารู ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า "จะฟ้องนายหน้าแน่นอน คนอื่นก็บอกว่าจะฟ้องกลับ และจะขอเรียกค่าเสียหายด้วย ตอนนี้ทราบข่าวแล้วว่าศาลออกหมายจับนายหน้าแล้ว ตำรวจจับแบอาลียะห์แล้ว"
หนึ่งในหญิงไทยที่ถูกหลอกขายข้าวเกรียบกล่าวว่า "เมื่อวาน กะนี โทรกลับมาหา เขาใช้เบอร์โทรมาเลฯ โทรมา บอกว่า ศาลออกหมายจับเขาแล้ว เขาไม่กล้ากลับบ้านที่ไทยแล้ว ถามว่าทำไมทุกคนทำแบบนี้กับเขา จะถามว่า... แล้วที่เขาทำกับเรา แปลว่าอะไรที่ต้องถูกจับในมาเลหลายเดือนมา"
เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2559 หญิงชาวไทยมุสลิมจำนวน 21 คนได้เดินทางเข้าไปในประเทศมาเลเซียผ่านจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ที่จังหวัดสงขลา เพื่อไปขายข้าวเกรียบตามการชักชวนของนายหน้าแรงงาน แต่เมื่อเข้าสู่รัฐยะโฮร์ หญิงกลุ่มดังกล่าวกลับขาดการติดต่อจากครอบครัว จนสมาชิกครอบครัวได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยช่วยตามหา เนื่องจากเชื่อว่าหญิงไทยกลุ่มดังกล่าว อาจถูกหลอกไปค้าแรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย
จนกระทั่งในเดือนพฤศจิกายน 2559 มีการเปิดเผยจากทางการมาเลเซียว่า หญิงไทยทั้งหมด 21 คน ถูกหลอกไปค้าแรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย แต่ได้รับการช่วยเหลือจากทางการมาเลเซียแล้ว รัฐบาลมาเลเซียจึงได้นำหญิงไทยทั้งหมดมาดูแล เพื่อกันไว้เป็นพยานสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์ผิดกฎหมาย และหญิง 12 คนแรกได้รับการปล่อยตัวกลับถึงภูมิลำเนาเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ส่วนอีก 9 ราย กำลังรอการปล่อยตัว
ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้ พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 47 ให้ส่งกำลังพลและอาหาร มาช่วยงานงานบุญให้กับสามีนางฮามีด๊ะ สาและ หนึ่งในหญิงไทยที่ถูกหลอกไปขายข้าวเกรียบในมาเลเซีย ซึ่งในระหว่างที่นางฮามีด๊ะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนั้น สามีของนางได้เสียชีวิตเพราะความเสียใจ การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นที่บ้านเลขที่ 22 บ้านเจาะกลาดี ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา
"ได้เข้ามาเยียวยาจิตใจให้กับครอบครัวฮามีด๊ะ โดยการจัดงานทำบุญให้สามีเธอ หลังจากนี้ จะเป็นการดูแลอาชีพและติดตามเงินจำนวน 7 หมื่น ที่ทางครอบครัวเขาเสียให้กับนายหน้า" พ.อ.ชลัช กล่าว