ศาลทหารเลื่อนการสืบพยานโจทก์คดีระเบิดราชประสงค์

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2016.08.23
กรุงเทพฯ
TH-uyghur-bomb-1000 เรือนจำพิเศษ มณฑลทหารบกที่ 11 นำตัวสองผู้ต้องหาคดีวางระเบิดศาลพระพรหมมาขึ้นศาลทหาร วันที่ 23 ส.ค. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันอังคาร (23 สิงหาคม 2559) นี้ ศาลทหารกรุงเทพฯ ได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรกของคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ แต่ได้เลื่อนไปเป็นกลางเดือนกันยายน เพราะจำเลยต้องขอล่ามแปลภาษาอุยกูร์คนใหม่ หลังจากที่ล่ามคนเก่าถูกหมายจับคดียาเสพติด และหลบหนีหมายศาล

นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม คาราดัก จำเลยที่ 1 ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวหลังจากเสร็จสิ้นการนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่หนึ่ง โดยกล่าวว่า คดีจำเป็นต้องเลื่อนไป เนื่องจากล่ามผู้แปลภาษาอุยกูร์เป็นภาษาอังกฤษของนายอาเดม ซึ่งเป็นคนสัญชาติอุซเบก ได้หลบหนีหมายศาลหลังถูกจับกุมในคดียาเสพติด ทำให้นายอาเดมจำเป็นต้องขอล่ามคนใหม่เพื่อทำหน้าที่แทน การพิจารณาคดีจึงต้องเลื่อนไปก่อน

“เนื่องจากว่าตัวล่ามที่ศาลได้แต่งตั้งคือนายบาโคดิรอฟ ซิโรจิดดิน ผู้แปลภาษาอุยกูร์เป็นอังกฤษ ถูกดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี แล้วก็หลบหนีหมายศาลอยู่มาศาลในวันนี้ไม่ได้ คดีก็เลยต้องเลื่อนไปเพื่อหาล่ามคนใหม่” นายชูชาติกล่าว

“ทางฝ่ายจำเลยได้เสนอล่าม... เพื่อให้มาช่วยเหลือ โดยเราก็ได้ยื่นต่อศาลไปแล้ว ศาลจะใช้เวลาพิจารณา 7 วัน” นายชูชาติกล่าวเพิ่มเติม

นายชูชาติ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ ต้องรอให้ศาลถอนชื่อล่ามคนเก่า และอัยการได้ขอตรวจสอบประวัติล่ามคนใหม่ โดยต้องรอให้ศาลอนุญาตให้ใช้ล่ามคนใหม่จึงจะสามารถทำคดีต่อไปได้ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างล่ามคนใหม่นั้น สภาอุยกูร์โลกจะรับผิดชอบทั้งหมด โดยคาดว่าจะนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกอีกครั้งในวันที่ 15 กันยายน 2559

“จำเลยทั้งสอง ขอให้ย้ายเรือนจำไปอยู่เรือนจำพิเศษปกติ ทางราชทัณฑ์ได้แจ้งกลับเข้ามาว่าคดีนี้ เป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง การที่จะเอาผู้ต้องหาทั้งสองไปขังปนอยู่กับผู้ต้องขังรายอื่นนั้น อาจจะไม่มีความปลอดภัย ก็เลยอยู่ที่เดิมคือ มทบ.11 ซึ่งจำเลยเขาโอเค และเรื่องอาหารฮาลาลทางเรือนจำดูแลเป็นอย่างดี” นายชูชาติกล่าว

“ส่วนคราวที่แล้วเขาแถลงว่าถูกกระทำ ถูกทำร้ายในเรือนจำ ทางราชทัณฑ์ได้ส่งหนังสือกลับมายังศาลว่า ตรวจแล้วไม่พบว่ามีร่องรอยการกระทำเช่นนั้น” นายชูชาติเพิ่มเติม

ซึ่งในเรื่องนี้ เรือนจำพิเศษ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ได้ทำการตรวจสอบข้อกล่าวหาที่จำเลยอ้างว่าถูกซ้อมทรมาน และยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานการทรมานแต่อย่างใด

ในช่วงค่ำของวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ที่บริเวณศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ คนร้ายในชุดเสื้อสีเหลืองได้นำกระเป๋าซึ่งบรรจุระเบิดไปวางไว้ใต้เก้าอี้นั่งด้านในศาลท้าวมหาพรหม และจุดระเบิดซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน และบาดเจ็บกว่า 120 คน

หลังจากเกิดเหตุไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน คือ นายอาเดม คาราดัก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ บิลาล โมฮัมเหม็ด และนายไมไรลี ยูซุฟู ซึ่งทั้งคู่เป็นคนเชื้อสายอุยกูร์ สัญชาติจีน ซึ่งแม้ในชั้นสอบสวนทั้งคู่จะสารภาพว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมก่อเหตุ แต่ในการไต่สวนของศาลทหาร ผู้ต้องหาทั้งสองกลับปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังออกหมายจับผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกซัดทอดอีก 2 คน คือ นายยงยุทธ พยุงวงศ์ และน.ส.วรรณา สวนสัน ซึ่งทั้งคู่อยู่ระหว่างการหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 17 คน ที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามตามตัวมาดำเนินคดีอยู่

กลุ่ม 8 ผู้ดูแลเฟซบุ๊คแฟนเพจการเมืองเดินทางไปที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันที่ 23 ส.ค. 2559 (เบนาร์นิวส์)

ศาลทหารสั่งฟ้อง 8 แอดมินเพจการเมือง

ในวันเดียวกัน ที่ศาลทหาร นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ 8 ผู้ดูแลเฟซบุ๊คแฟนเพจการเมือง “เรารักพลเอกประยุทธ์” ซึ่งถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ 2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) และยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดแล้วในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และศาลทหารได้รับฟ้องแล้ว

“เรามั่นใจว่าทั้งหมดที่ทั้ง 8 คนโพสต์ไป ไม่เข้าข่ายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116” ทนายความกล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง