เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเสียชีวิตหนึ่งนาย บาดเจ็บสามนาย ในยะลา

เหตุการณ์ความรุนแรงในวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2559 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง ในพื้นที่อำเภอเมืองยะลา มีทหารเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย และในอีกเหตุการณ์ที่อำเภอยะหา คนร้ายลอบยิงประชาชนบาดเจ็บ 1 ราย

เมื่อเวลา 05.20 น. พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายวางระเบิดหมายทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง ที่บริเวณริมถนน ใกล้จุดตรวจสะพานดำ ในอำเภอเมือง ยะลา เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ได้เกิดระเบิดขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย คือ พลทหารอานนท์ แสงนพรัตน์ และได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ สิบเอกยุทธการ แซ่เฮ้า มีอาการสาหัส  พลฯ อนุชา มะสัน  และพลฯ พงพินิช นวลทอง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร สังกัด มว.ปล.ที่ 1 ร้อย 15213 ฉก. ยะลา 12

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบในถังแก๊สปิกนิกสีส้ม น้ำหนักประมาณ 20-25 กก. ใช้เหล็กเส้นตัดขนาด 1 ซ.ม. เป็นสะเก็ดระเบิด จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร

“เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่” พ.ต.อ.กฤษฎา แก้วจันดี กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ต่อมาในเวลา 15.00 น. ร.ต.อ.สมภพ เพชรมณี รองสารวัตรสอบสวน สภ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายอับดุลเลาะ หวังกิ ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.ยะหา จ.ยะลา เหตุเกิดในพื้นที่บ้านบูเก๊ะ ม.2 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ผู้เสียหายกำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางจะกลับบ้านพัก ระหว่างทางได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธปืนพกสั้น ยิงใส่ก่อนหลบหนีไป ส่วนสาเหตุนั้น ร.ต.อ.สมภพ กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างสอบสวนและสืบสวน

ในวันอังคารที่ผ่านมานี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ว่า ขอให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังการก่อเหตุรุนแรงที่สามารถเกิดได้ในทุกขณะ

“ช่วงไหนก็ตาม คงไม่ต้องเตือนกันบ่อย เพราะเป็นเรื่องที่กำชับตลอดเวลาในการประชุมความมั่นคงทุกสัปดาห์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะความมั่นคงความสงบเรียบร้อยภายในกรุงเทพฯ แต่เป็นทั่วประเทศ... เราก็ต้องช่วยกันระมัดระวังให้ได้มากที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อช่วงกลางเดือนนี้ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน อดีตประธานกลุ่มเบอร์ซาตู ซึ่งเป็นองค์กรร่มของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยเจรจากับรัฐบาลไทย เมื่อปี 2532 แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า การก่อเหตุนั้น กองกำลังในพื้นที่จะได้รับคำสั่งมาจากนอกประเทศ และอยากให้รัฐบาลเจรจาในประเทศดีกว่าเจรจานอกประเทศ

“กลุ่มที่ก่อเหตุทุกวันนี้ มีหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่ก่อเหตุตามใบสั่ง มั่นใจว่า ที่ทำเพื่ออุดมการณ์ มีไม่มาก ขอเสนอให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางเจรจาในประเทศดีกว่าทำกันนอกประเทศ” ดร.วันกาเดร์ กล่าว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 และ 22 เดือนนี้ มีรายงานว่าคณะอนุกรรมการฝ่ายเทคนิคร่วมของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข และของมาราปาตานี ได้เจรจาเรื่องพื้นที่ปลอดภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมา

ศาลปัตตานีสั่งจำคุกคดี RKK ตลอดชีวิต

ศาลจังหวัดปัตตานี ได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายมูฮัมหมัดฟังดี มามะ จำเลยในคดียิงและลอบวางระเบิด ที่ อบต.มะกรูด ตามคดีหมายเลขที่ อ 839/2559 เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

นายมูฮัมหมัดฟังดี ถูกจับกุมจากเหตุปะทะที่อำเภอสะบ้าย้อย สงขลา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2557 และถูกต้องสงสัยร่วมก่อเหตุในหลายเหตุการณ์ เช่น เหตุยิงและวางระเบิดสำนักงานเทศบาล ตำบลมะกรูด อำเภอโคกโพธิ์ ปัตตานี เมื่อ 11 ก.ย. 2557 ร่วมปล้นรถจาก อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มาใช้ในการก่อเหตุอื่นๆ  และต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดรถยนต์กระบะที่ใช้ก่อเหตุนำทางในพื้นที่ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นบ้านภรรยานายมูฮัมหมัดฟังดี

จากผลซักถามนายมูฮัมหมัดฟังดี มามะ ให้การยอมรับสารภาพว่า ร่วมก่อเหตุจริง โดยทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะนำรถที่ปล้นมาก่อเหตุ และยอมรับว่า ปืนพกที่ยึดจากเหตุปะทะเป็นของนายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ หัวหน้ากองกำลังระดับ platoon (หมวด) ซึ่งหลบหนีจากเหตุปะทะ