คนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์หน้าบ้านพักตำรวจมายอ ปัตตานี ไร้คนเจ็บ-ตาย

ในเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (17 สิงหาคม 2560) นี้ เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ บริเวณหน้าบ้านพักเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร(สภ.) อ.มายอ จ.ปัตตานี ส่งผลให้ตัวบ้านพัก และทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่เสียหายบางส่วน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามรถที่คนร้ายปล้น และใช้ก่อเหตุ ในพื้นที่จังหวัดสงขลาได้ทั้งหมด 6 คันแล้ว พร้อมทั้งรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุปล้นเต๊นท์รถ ซึ่งปล้นมาจากพื้นที่ ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในช่วงเช้าวันพุธนั้นเอง

พ.ต.ท.นพสิทธิ์ เต็มองค์หล้า รองผู้กำกับการ สภ. อ.มายอ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.50 น. ได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้าย 2 คนก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณริมถนนสาย 4061 หน้าทางเข้าบ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.มายอ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

“จากการสอบสวนทำให้ทราบว่า คนร้ายได้ขับรถยนต์กระบะที่บรรทุกระเบิดแสวงเครื่อง มาจอดริมถนนหน้าบ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วได้วิ่งหลบหนี หลังจากนั้นรถยนต์คันดังกล่าวจึงเกิดระเบิดขึ้น ตรวจสอบพบว่า เป็นรถยนต์ที่คนร้ายได้นำมาก่อเหตุคาร์บอมบ์ คือ รถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ ทะเบียน บห 5714 สงขลา เป็นหนึ่งในรถที่คนร้ายปล้นมาจาก อ.นาทวี จ.สงขลา วานนี้” พ.ต.ท.นพสิทธิ์กล่าว

พ.ต.ท.นพสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้ก่อเหตุถูกบรรจุในถังแก๊สน้ำหนัก 80 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร แรงระเบิดทำให้บ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย 10 หลัง ชิ้นส่วนของรถยนต์กระจายทั่วบริเวณ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บข้อมูลทุกอย่างไว้เป็นหลักฐานแล้ว

เจ้าหน้าที่พบรถที่ถูกขโมย และก่อเหตุทั้งหมดแล้ว

ในวันพุธที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้าย 7 คนบุกปล้นรถยนต์จากเต้นท์ขายรถมือสองในพื้นที่ อ.นาทวี จ.สงขลา โดยได้รถยนต์ไปเป็นจำนวน 6 คันพร้อมจับตัวพนักงานเต้นท์รถไปเป็นตัวประกัน 4 คน หลังจากนั้นได้ขับรถมุ่งหน้าเข้าพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา และใช้อาวุธปืนยิงตัวประกัน 2  คน ทำให้นายสหรัฐ เเหละหนิ๊ หนึ่งในตัวประกันเสียชีวิต ขณะที่ตัวประกันอีกรายได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีก 2 รายสามารถหลบหนีได้

ต่อมาคนร้ายได้ขับรถแหกด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ 2 แห่งใน อ.เทพา จึงเกิดการปะทะต่อสู้เป็นเหตุให้ นายนูร์ฮาซัน อาแว อายุ 25 ปี หนึ่งในคนร้ายเสียชีวิต ส่วนคนร้ายที่เหลือสามารถหลบหนีไปได้ และใช้รถยนต์ที่ขโมยไปก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่สามารถตรวจพบรถคนร้ายปล้นไปได้ทั้งหมด 6 คันแล้ว โดยประกอบด้วย 1.รถกระบะอีซูซุแค็บ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บห 5714 สงขลา (ใช้ทำคาร์บอมบ์ที่ อ.มายอ)  2.รถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน กอ 4995 สงขลา (ใช้ทำคาร์บอมบ์ที่ อ.หนองจิก) 3.รถกระบะมิตซูบิชิ ทะเบียน บฉ 7182 ยะลา (พบแล้ว) 4.รถกระบะอีซูซุ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน บธ 4063 พัทลุง (พบแล้ว) 5.รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีเทา ทะเบียน ถษ 3050 กรุงเทพมหานคร (พบแล้ว) และ 6.รถอีซูซุ 4 ประตู ทะเบียน ฆท 3327 กรุงเทพมหานคร (พบแล้ว)

และต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุปล้นเต๊นท์รถ คือ รถยนต์กระบะมาสด้า ธันเดอร์ แคป สีบรอนซ์เทา หลังคาผ้าใบ ทะเบียน บง 8378 นราธิวาส ซึ่งคนร้ายจอดทิ้งไว้ในบริเวณสวนยางพารา ม.3 ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เมื่อตรวจสอบพว่า รถยนต์คันนี้ คนร้ายได้ปล้นมาจากประชาชนในพื้นที่ ต.ยาบี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในช่วงเช้าวันพุธ

พล.อ.อุดมเดชเชื่อบีอาร์เอ็นเกี่ยวข้องเหตุคาร์บอมบ์วานนี้

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต. ส่วนหน้า) กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มบีอาร์เอ็นมีส่วนร่วมกับการก่อเหตุดังกล่าว โดยจะได้มอบหมายให้คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขเชิญกลุ่มที่เกี่ยวข้องเข้าพูดคุยเพื่อหาทางออก ขณะเดียวกันได้กล่าวขอโทษประชาชนกับเหตุที่เกิดขึ้น

“ผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิมๆ อย่างบีอาร์เอ็นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อมโยงกลุ่มที่อยู่นอกกระบวนการพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ทางท่านนายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยัง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ให้ดูแลในเรื่องนี้ เพราะอาจมีคนตกหล่น และอยู่นอกวงการพูดคุย ดังนั้นต้องเชิญเข้ามาในการพูดคุยสันติสุข เพื่อจะได้มีประโยชน์มากขึ้นในการแก้ไขปัญหาพื้นที่” พล.อ.อุดมเดชกล่าว

ด้านนายโฮป (สงวนนามสกุล) อดีตแกนนำบีอาร์เอ็น เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ว่า  ตนเองเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี

“ดูจากการก่อเหตุที่เริ่มจากการปล้นที่ปัตตานี แล้วนำรถไปปล้นที่พื้นที่นาทวี แล้วนำรถที่ปล้นจากนาทวีพยายามจะนำมาก่อเหตุในหลายอำเภอที่ปัตตานี ขณะที่คนตายเป็นเด็กในพื้นที่ปัตตานี เชื่อว่า คนที่ทำเป็นกลุ่มสมาชิกบีอาร์เอ็น ที่มาจากหลายอำเภอของปัตตานี” นายโฮปกล่าว