ไทยส่งตัวโจชัว หว่อง กลับฮ่องกง
2016.10.05
กรุงเทพฯ

ในวันพุธ (5 ตุลาคม 2559) นี้ นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงถูกส่งตัวกลับสู่ฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมินานกว่า 12 ชั่วโมง เพราะประเทศไทยไม่รับอนุญาตให้เข้าประเทศ ด้านทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุ เป็นการกระทำเพื่อรักษาสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-จีน
นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวฮ่องกงวัย 19 ปี เดินทางกลับถึงเกาะฮ่องกงในเวลาประมาณ 15.30 น. และเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวถึงการถูกห้ามเข้าประเทศไทยต่อสื่อท้องถิ่นทันทีโดยเขาระบุว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่แสดงความเห็นห่วง และขอโทษเพื่อนๆ ในประเทศไทยที่ไม่สามารถกล่าวปาฐกถาได้ตามที่ได้มีการนัดหมายเอาไว้
“ผมเดินทางไปที่ประเทศไทยตามคำเชิญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมถึงประเทศไทยในเวลาประมาณ 01.00 น. ตามเวลาฮ่องกง ทันทีที่ผมเดินทางถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทางการประมาณ 20 คน ได้ยึดหนังสือเดินทางของผมทันที ให้ผมไปยังสถานีตำรวจของสนามบิน และบังคับให้ผมอยู่ในนั้น ซึ่งถือเป็นการกักบริเวณโดยไม่มีคำอธิบาย”นายโจชัวกล่าว
“โดยการกักบริเวณนั้นผมไม่สามารถติดต่อใครได้ ทั้งคนในประเทศไทย และทนายความ แม้กระทั่งการแจ้งให้ครอบครัวของผมทราบว่า ผมถึงประเทศไทยแล้ว ก็ไม่สามารถทำได้ จริงๆ ไม่ได้วางแผนจะเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด ผมเพียงแค่เดินทางมาตามคำเชิญของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเล่าถึงประสบการณ์การเคลื่อนไหวปฎิวัติร่มในฮ่องกง สิ่งที่ผมคาดหวังต่อจากนี้คือ คำอธิบายจากรัฐบาลไทย” นายโจชัวระบุ
อย่างไรก็ตามนายโจชัว กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายเขา ขณะที่ถูกกักตัวในสนามบินสุวรรณภูมิ แต่อย่างใด
นายโจชัว หว่อง เป็นหนึ่งในแกนนำนักศึกษาที่มีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบการเลือกตั้งของฮ่องกงในปี 2557 ซึ่งถูกเรียกภายหลังว่า “การปฎิวัติร่ม” การเคลื่อนไหวและการปราศรัยของเขาหลายครั้งทำให้เขากลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในฐานะ นักเคลื่อนไหวรุ่นใหม่ ล่าสุดในเดือนเมษายน 2559 นายโจชัวได้ก่อตั้งพรรคเดโมซิสโต และเขาทำหน้าที่เลขาธิการพรรค
นายโจชัว หว่อง ได้รับเชิญจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมงาน “40 ปี 6 ตุลา คนรุ่นใหม่มองอนาคต” โดยมีกำหนดจะขึ้นปาฐกถาในหัวข้อ “การเมืองของคนรุ่นใหม่ของโจชัว หว่อง” ในวันที่ 6 ตุลาคม 2559 ซึ่งจัดขึ้นโดยนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คสช. อ้างเหตุผลความมั่นคงและความสัมพันธ์ไทย-จีน
ด้านพันเอกปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. เปิดเผยต่อเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า เจ้าหน้าที่ทางการไทยจำเป็นต้องห้ามนายโจชัว หว่อง เข้าประเทศเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของไทย-จีน
“ในเรื่องนี้ คสช.ก็คงมองในเรื่องความมั่นคงแล้วก็ความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ความมั่นคงก็คือที่คุณโจชัว หว่องจะเข้ามาพูดหรืออภิปรายอะไร เราก็คงต้องระมัดระวัง เพราะว่ามีมิตรประเทศก็คือจีน ถ้าเกิดเขาใช้บ้านเรามาเคลื่อนไหวก็คง เป็นเรื่องที่ไม่ดี ใครที่ต้องการสร้างกระแสให้เกิดความบาดหมางกันระหว่างเรากับมิตรประเทศมันก็คงไม่ดี เราก็คงต้องมองเรื่องนี้เป็นหลัก” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวทางโทรศัพท์
“การที่เขาจะเข้ามาพูด เราไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร ส่งผลดีต่องานด้านความมั่นคงหรือเปล่า เพราะว่าบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย แล้วการที่เขามาเราก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิอะไร เพียงแต่ว่าในบรรยากาศแบบนี้อาจจะยังไม่เหมาะ เราก็ขอให้เขากลับไป ไม่ได้ละเมิดอะไร ก็อำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ” พ.อ.ปิยพงศ์เพิ่มเติม
พ.อ.ปิยพงศ์เพิ่มเติมว่า คสช.รับทราบขั้นตอนการกักตัวนี้ และการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ไม่มีการใช้กำลัง หรือละเมิดสิทธิแต่อย่างใด
ในขณะที่ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความเห็นในเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ไทยเสียภาพพจน์ว่า ถูกอิทธิพลของประเทศจีนครอบงำ
"กรณีโจชัวหว่องถูกจับแล้วส่งกลับจากไทยถือเป็นเรื่องใหญ่นะครับ ก่อนหน้านี้ไทยฉาวเรื่องช่วยรัฐบาลจีนจับประชาชนแล้วส่งตัวกลับจีนมาหลายครั้งแล้ว หลายคนกลับไปติดคุกก็มี บางคนอยู่ระหว่างขอลี้ภัยจากสหประชาชาติด้วยซ้ำ วันนี้คุยกับพวกสถานทูตบางแห่ง เขาบอกว่าเรื่องนี้ทำประเทศไทยเสียชื่อมาก ภาพพจน์ประเทศดูอยู่ใต้อิทธิพลจีนมากขึ้นภายใต้รัฐบาลนี้ และด้วยเรื่องนี้ขัดเจนแล้วครับ" ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อาจารย์รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า มีความพยายามของบางกลุ่มที่จะโยงใยสภาพบ้านเมืองปัจจุบันไปเข้ากับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เพื่อหวังผลทางการเมือง
“สื่อก็รู้อยู่ว่า มีความพยายามที่จะดึงไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 แล้วพวกคุณจะขยายไปทำไม คุณต้องการแบบนั้นอีกหรือ คุณก็รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” พลเอกประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวขณะไปราชการในจังหวัดอยุธยา ในบ่ายวันนี้
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า การที่ยังมีนักศึกษาเคลื่อนไหวอยู่ อาจจะทำให้เหตุการณ์บานปลายหรือไม่ พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ที่สื่อและทุกคน ที่จะต้องเข้าใจว่า ขณะนี้ประเทศกำลังเดินกลับสู่ประชาธิปไตย ไม่ควรมีการชักนำทางความคิดเยาวชนไปในทางที่ผิด
หลายฝ่ายประณามการกักตัวนายโจชัว หว่องของรัฐบาลไทย
พรรคเดโมซิสโต ซึ่งนายโจชัว หว่อง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ว่า พรรคไม่สามารถติดต่อนายโจชัวได้ และเจ้าหน้าที่สนามบินได้แจ้งต่อพรรคให้ทราบว่า นายโจชัวถูกกักตัวอยู่ภายในสนามบิน จึงขอประณามรัฐบาลไทยต่อการดำเนินการครั้งนี้
“ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการที่รัฐบาลไทยจำกัดเสรีภาพและสิทธิในการเข้าเมืองของนายโจชัวโดยไร้เหตุผล และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายหว่องในทันที โดยพรรคได้เรียกร้องให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง เพื่อให้ช่วยรับประกันความปลอดภัยของนายโจด้วย” แถลงการณ์ระบุ
องค์กรแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์ถึงการกักตัวนายโจชัว หว่องโดยระบุว่า การกระทำของรัฐบาลไทยครั้งนี้เป็นการกระทำที่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพการแสดงออกอีกครั้ง
“การกักตัวและส่งกลับโจชัว หว่อง เป็นเครื่องสะท้อนอีกครั้งหนึ่งว่ารัฐบาลทหารของไทยจะทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งการพูดคุยเกี่ยวกับการเมืองในประเทศ” นางสาวแชมพา พาเทล ที่ปรึกษานักวิจัยอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว
ทางด้าน นายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษากลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่า องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ปล่อยตัวนายโจชัว หว่องทันที
“HRW (ฮิวแมนไรท์วอทช์) เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ปล่อยโจชัว หว่องทันที-ไม่ขัดขวางการพูดในงานรำลึกหกตุลาที่จุฬา เตือนอย่าทำตัวเป็นลูกน้องจีนร่วมมือกันละเมิดสิทธิ” นายสุนัยระบุ