กต.ไทย ระบุ กัมพูชาเข้าใจสถานะของยิ่งลักษณ์ จึงถอนพาสปอร์ต

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2019.01.16
กรุงเทพฯ
190116-TH-yingluck-1000.jpg นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชูมือให้กับผู้สนับสนุนที่หน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 1 สิงหาคม 2560
นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์

ในวันพุธนี้ นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยแก่เบนาร์นิวส์ว่า รัฐบาลกัมพูชามีความเข้าใจสถานะของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงได้ตัดสินใจยกเลิกหนังสือเดินทางกัมพูชา อันสะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา

นางสาวบุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์ว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ตัดสินใจยกเลิกหนังสือเดินทางกัมพูชาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเป็นผู้ที่หนังสือพิมพ์ South China Morning Post ระบุว่า ได้ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เพื่อจดทะเบียนธุรกิจในฮ่องกง

“การดำเนินการของฝ่ายกัมพูชาสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา และความเข้าใจของกัมพูชาในสถานะของ นางสาวยิ่งลักษณ์” นางสาวบุษฎี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

การระบุครั้งนี้ สอดคล้องกับที่นายดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ว่า การยกเลิกหนังสือเดินทางของนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เป็นการร้องขอโดยรัฐบาลไทย แต่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจดำเนินการด้วยตนเอง

“เหตุผลที่ยกเลิกคงเป็นเพราะเรื่องการถือพาสปอร์ต ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง เกินกว่าที่ควรจะเป็น เขาจึงยกเลิก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าของหนังสือเดินทางกับรัฐบาลกัมพูชา” นายดอนกล่าว

“ยืนยันว่าไม่ได้มาจากการขอร้องของเราในช่วงนี้ ถือเป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการ และเป็นการแสดงให้เห็นว่า เราแคร์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน กัมพูชาถือเป็นเพื่อนของเรา จะต้องทำงานร่วมกันในหลายเรื่อง” นายดอนระบุ

เรดิโอฟรีเอเชีย ภาคภาษากัมพูชา รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วว่าโฆษกคณะรัฐมนตรีของกัมพูชาระบุว่า ชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ปรากฏในรายชื่อหนังสือเดินทางที่ลงทะเบียนในข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยของประเทศกัมพูชา และรัฐบาลฮุนเซนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการมอบหนังสือเดินทางให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์

“กระทรวงมหาดไทยไม่ได้รับรู้เรื่องหนังสือเดินทางตามที่สื่อรายงาน” โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในกรณีนี้

โดยทางเรดิโอฟรีเอเชียไม่สามารถติดต่อ เพื่อขอความคิดเห็น จากเจ้าหน้าที่แผนกหนังสือเดินทางในกัมพูชา

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ของฮ่องกงได้ตีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือหนังสือเดินทางกัมพูชา และใช้จดทะเบียนบริษัท พี.ที. คอร์โปเรชั่น (P.T. Corporation) โดยมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2561 และยังพบเอกสารว่า หลังจากนั้น 4 เดือน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานของท่าคอนเทนเนอร์นานาชาติซัวเถา (Shantou International Container Terminals) ในมณฑลกวางตุ้ง ของประเทศจีนอีกด้วย  ทั้งนี้ ยังได้เปิดเผยว่า บริษัท พี.ที. คอเปอร์เรชั่น ประเทศไทย ถือหุ้นโดยนางพินทองทา ชินวัตร และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เบี้ยวนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (พ.ร.บ.ป้องกันการทุจริตฯ) ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต และให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งนัดหมายในวันที่ 25 สิงหาคม 2560  แต่ต่อมาศาลได้ตัดสินลับหลังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง และให้ลงโทษจำคุก 5 ปี

แหล่งข่าวใกล้ชิดคนในตระกูลชินวัตร กล่าวว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ได้หลบหนีออกนอกประเทศโดยผ่านทางกัมพูชา ซึ่งในภายหลัง รัฐบาลไทยได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยังนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนจะปรากฎภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในประเทศอังกฤษ และญี่ปุ่น ใน 6 เดือนให้หลัง

กัมพูชาเรียกคืนพาสปอร์ตที่ถือครองโดยคนต่างชาติ

หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลกัมพูชา ออกมาปฏิเสธข่าวว่า ทางการออกหนังสือเดินทางกัมพูชาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกนำใช้ประกอบธุรกิจในจีน

หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ยังได้กล่าวอีกว่า การยื่นจดทะเบียนของนางสาวยิ่งลักษณ์ มีความขัดแย้งกับคำกล่าวของทางการกัมพูชาที่ว่า ไม่ได้ออกพาสปอร์ตให้นางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อครั้งที่นางสาวยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศ ซึ่งยังเป็นปริศนาว่าหลบหนีออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่อยู่ภายใต้การจับตามองของทางการไทยตลอด 24 ชั่วโมง

ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม 2562 หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา รายงานว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ออกหนังสือเรียกคืนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ไม่ได้เกิดในแผ่นดินกัมพูชา สืบเนื่องจากการเผยแพร่ข่าวถือครองหนังสือเดินทางกัมพูชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

“กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องเรียกคืนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ไม่ได้เกิดในแผ่นดินกัมพูชา แต่ได้รับผ่านช่องทางการอนุมัติจากการเป็นที่ปรึกษา และผู้ช่วยเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อส่งคืนให้กับกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างชาติภายในเวลาไม่เกิน 1 เดือน… กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชามีหน้าที่ต้องตรวจสอบ และยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลใดก็ตาม ที่ไม่ปรากฏว่ามีสัญชาติกัมพูชาโดยกำเนิด” ตอนหนึ่งของหนังสือที่ลงนามโดย ฮุน เซน ระบุ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง