ผบ.ทบ. มอบนโยบายให้กองทัพภาค 4 คุมพื้นที่ใต้
2016.07.26
นราธิวาส

ในวันอังคาร (26 ก.ค. 2559) นี้ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้เดินทางไปที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ทหารเกี่ยวกับการปฎิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาคสี่ ส่วนหน้า โดยได้กล่าวว่า จะเริ่มมีการถอนกำลังทหารจากกองทัพภาคอื่นๆ ออกจากภาคใต้ ในเดือนตุลาคมนี้
การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นที่ห้องประชุม ภายในกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ในอำเภอเมือง นราธิวาส โดยมี พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก พล.อ.กิตติ อินทสร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.ชินวัฒน์ แม้นเดช รองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าร่วมประชุม
พล.อ.ธีรชัย ผบ.ทบ. กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีนโยบายให้ถอนกำลังทหารจากภาคอื่นๆ กลับ และให้ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 รับผิดชอบพื้นที่เต็มตัว
“มีนโยบายให้ถอนกำลังจากกองทัพภาค 1 และภาค 3 กลับที่ตั้ง หลังมาช่วยปฎิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกว่า 10 ปี กลับฐานที่ตั้งเดิม และให้กองกำลังจากกองทัพภาคที่ 4 เข้าคุมพื้นที่” พล.อ.ธีรชัย กล่าวต่อที่ประชุม
“รวมทั้ง ให้มีการจัดตั้งกรมทหารพรานของนาวิกโยธิน เพื่อเข้ามาเสริมการปฏิบัติอีกหน่วยหนึ่งด้วย จะทยอยถอนกำลังในเดือนตุลาคม 59 นี้ ไปอย่างต่อเนื่อง” พล.อ.ธีรชัย กล่าวเพิ่มเติม
ผบ.ทบ. กล่าวต่อไปอีกว่า ตนเชื่อว่านโยบายและแผนการปฎิบัติงานใหม่ที่กองทัพบกมอบให้นั้น จะทำให้การบริหารจัดการงานความมั่นคงในพื้นที่ภาคใต้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้ ผบ.ทบ. ยังได้มีการมอบรางวัลแก่หน่วยที่ปฏิบัติงานดีเด่นในรอบ 1 เดือน
ด้าน พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวรายงานการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเผยว่า ปัจจุบันใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 35,000 คนต่อวัน ในการคุ้มครองประชาชน ซึ่งส่งผลตัวเลขการเกิดเหตุร้ายลดลง
“สถานการณ์ในพื้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 12 เมื่อเปรียบเทียบจากปีที่ผ่านมา ส่วนความสูญเสียลดลงร้อยละ 33 จับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ 49 ราย เป็นผู้ต้องหา ป.วิอาญา 23 ราย พ.ร.ก. 26 ราย มีเหตุปะทะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 6 ราย ยึดอาวุธปืนได้ 82 กระบอก ตรวจยึดอุปกรณ์และสารตั้งต้นระเบิด 45 ครั้ง ทำลายความพยายามในการก่อเหตุลอบวางระเบิด 32 ครั้ง” พล.ท.วิวรรธน์ กล่าวรายงาน
นอกจากนั้น ในการรายงานยังได้ระบุถึง “โครงการพาคนกลับบ้าน” ว่า มีผู้เข้ามาแสดงตน 2,229 ราย เพิ่มเติมจากยอดเดิมที่ 1,996 ราย รวมเป็น 4,225 ราย และได้ดำเนินตามกรรมวิธีไปแล้ว 3,681 ราย
นอกจากนี้ ยังได้ผลการสำรวจความต้องการและความคิดเห็นของประชาชนรวม 451,140 ครัวเรือน 1,988 หมู่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา พบว่า ประชาชนมีทัศนคติเชิงบวกต่อภาครัฐ 92.93% เชิงลบ 0.98%
โครงการบรรเทาความเดือดร้อนจำนวน 2,788 โครงการ ได้มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 515 ล้านบาท ยังคงเหลืออีก 3,059 ล้านบาท ที่ต้องรอการเสนอต่อกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้อง มีการสร้างและปรับปรุงถนนจำนวน 37 สาย ในระยะที่ 2 ของ 37 อำเภอ ระยะทางรวม 151 ก.ม. โดยใช้ชุดทหารช่างเป็นผู้ดำเนินการ ได้มีการส่งมอบไปแล้ว 8 สาย โดยความคืบหน้าในภาพรวมขณะนี้ประมาณ 45%
โดยในช่วงท้ายของการประชุม พล.อ.ธีรชัย ได้สั่งกำชับให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) แปลร่างรัฐธรรมนูญเป็นภาษายาวี เพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำความเข้าใจก่อนถึงวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 ในวันที่ 7 ส.ค. 59 ที่จะถึง เนื่องจากประชาชนร้อยละ 70 ไม่เข้าใจและไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้